กกร. ถกมาตรการอุ้มธุรกิจ เสนอรัฐ ‘ปรับปรุง ฟื้นฟู เปลี่ยนแปลง’ นำทรัพย์ตึ๊งแบงก์

กกร. ถกมาตรการอุ้มธุรกิจ เสนอรัฐ ‘ปรับปรุง ฟื้นฟู เปลี่ยนแปลง’ นำทรัพย์ตึ๊งแบงก์ คาด 2 เดือนมีผลบังคับใช้

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “ปรับปรุง ฟื้นฟู เปลี่ยนแปลง” เพื่อประคองและรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ ตามข้อเสนอที่สมาคมธนาคารไทยได้ประสานการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะได้ข้อสรุปและมีผลบังคับใช้ภายใน 2 เดือนนี้

โดยในส่วนของการ ‘ปรับปรุง’ จะดำเนินการผ่าน ‘โครงการพักทรัพย์ พักหนี้’ ซึ่งเป็นโครงการภาคสมัครใจที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่ยังมีศักยภาพที่จะฟื้นตัวอยู่รอดได้ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถลดภาระทางการเงินได้ชั่วคราว ด้วยการโอนทรัพย์ไว้กับธนาคารโดยมีสัญญาซื้อคืน เพื่อรอการฟื้นตัวของธุรกิจโดยไม่สูญเสียกิจการไป

สำหรับการ ‘ฟื้นฟู’ สำหรับธุรกิจที่ฟื้นตัวและมีความต้องการวงเงินสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเพิ่มเติมนั้น เป็นการเพิ่มวงเงินสินเชื่อที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งการเสริมสภาพคล่อง เพื่อรองรับการกลับมาดำเนินธุรกิจแบบปกติ โดยเสนอให้ภาครัฐสนับสนุนสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถเข้าถึง

Advertisement

ส่วนการ ‘เปลี่ยนแปลง’ จะใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Invoicing) บนแพลตฟอร์ม โดยให้มีมาตรฐานกลางทั้งในเรื่องรูปแบบของใบกำกับภาษี ระยะเวลาที่เหมาะสมของระยะเวลาการให้สินเชื่อระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย (Credit terms) ซึ่งจะรวมถึงการร้องเรียนและการคืนสินทรัพย์ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงิน เพื่อการค้าที่โปร่งใสและเป็นธรรมกับผู้ประกอบการทุกราย และจะทำให้ระบบเครดิตทางการค้าเชื่อมโยงอย่างเต็มประสิทธิภาพสามารถแข่งขันได้

อย่างไรก็ตาม กกร.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวได้ในกรอบ 1.5-3.5% การส่งออกคาดว่าจะขยายตัว 3-5% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดอยู่ในกรอบ 0.8-1% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวชัดเจนขึ้น สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศเริ่มดีขึ้น ขณะเดียวกัน ทางการก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคพร้อมกับความคาดหวังต่อการกระจายที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจและผู้ได้รับผลกระทบอย่างตรงจุดจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image