มีกำไรต่อเนื่อง! ผู้ว่าการยาสูบ ยันองค์กรยังแข็งแกร่ง แจงปม ครม.เคาะ 1.5 พันล้านเสริมสภาพคล่อง

ผู้ว่าการยาสูบ ยืนยันองค์กรยังแข็งแกร่ง กำไรต่อเนื่อง ปมข่าว ครม.เคาะ 1.5 พันล้านเสริมสภาพคล่อง ลั่น พร้อมจับมือสถาบันการศึกษา พัฒนาเศรษฐกิจใหม่ ยกระดับรายได้เกษตรกรชาวไร่

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดวงเงินกู้ระยะสั้น (Credit Line) โดยวิธีกู้เบิกเงินเกินบัญชี (Overdraft : OD) วงเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงานและรองรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นั้น

อ่านข่าว – เคาะ 1.5 พันล้านบาท เสริมสภาพคล่องการยาสูบ

ล่าสุด นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ยสท. ต้องขอบคุณกระทรวงการคลัง ที่ได้นำเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวงเงินกู้ระยะสั้นโดยวิธีกู้เบิกเงินเกินบัญชี (OD) เพื่อไว้ใช้จ่ายเมื่อมีความจำเป็นถึง 1,500 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า ยสท. เป็นองค์กรที่มีเครดิตดี เช่นเดียวกับธุรกิจชั้นนำต่าง ๆ ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า กรณีนี้ไม่ใช่การกู้เงิน แต่เป็นเพียงการดำเนินการตามแผนบริหารความเสี่ยงที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทย

“ยืนยันว่า ยสท. ยังเป็นองค์กรที่มีความมั่นคงแข็งแกร่งมาก ในช่วงปลายปีงบประมาณ 2563 ยสท. มีเงินสดคงเหลือในบัญชี 8,500 ล้านบาท โดย ยสท. มีกำไร 593 ล้านบาท ซึ่งผลกำไรดังกล่าว ได้หักค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสวนป่าเบญจกิติเพื่อประชาชน จำนวน 260 ล้านบาท และโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (Early Retire) แล้ว”

Advertisement

มั่นใจว่าในปีงบประมาณ 2564 ผลกำไรจะเพิ่มขึ้น และยังคาดการณ์ว่าในปีงบประมาณ 2565 อาจมีกำไรกว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจาก ยสท.ได้ดำเนินการยกระดับประสิทธิภาพทางการบริหาร การผลิต การตลาด การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการที่สำคัญคือ การติดตั้งนวัตกรรมผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) สำหรับอาคารโรงงานผลิตยาสูบ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับไฟฟ้าในระยะยาว ซึ่งการยาสูบแห่งประเทศไทย กำลังจะมีพิธีลงนาม MOU กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในวันที่ 8 มีนาคม 2564

นอกจากนี้ ยสท. ยังเดินหน้ารุกสู่ธุรกิจใหม่ ๆ เช่น การพัฒนาธุรกิจยาสูบไปต่างประเทศ การพัฒนารายได้จาก อสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ และธุรกิจที่สำคัญซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรของ ยสท. ในอนาคต คือ ธุรกิจสมุนไพร กัญชา กัญชง โดยมีโรงพยาบาลสวนเบญจกิติเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ของ ยสท. เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสุขภาพ มีศูนย์ไตเทียม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ผิวหนังและความงาม คลินิกชะลอวัยและฟื้นฟู และกำลังจะเริ่มโครงการคลินิกกัญชา พร้อมขยายการบริการไปยังข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนทั่วไป

ซึ่งในเรื่องนี้ ยสท. ได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนเรศวร ฯลฯ และในวันที่ 9 มีนาคม 2564 นี้ ยสท. จะมีการลงนาม MOU กับ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อค้นคว้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชสมุนไพรโดยเฉพาะในกลุ่มที่มีสรรพคุณในการดูแลรักษาปอด โดยจะนำผลการวิจัยไปหารือกับองค์การเภสัชกรรม เพื่อพัฒนายาหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์กับสุขภาพต่อไป

Advertisement

ในส่วนธุรกิจภาคการเกษตรอื่น ๆ ปัจจุบัน ยสท. ได้ดำเนินการปลูกโกโก้ซึ่งเป็นพืชเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2562 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน โดย ยสท. จะนำโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล มาใช้ในการบริหารจัดการแปลงปลูก เพื่อให้ได้ผลผลิตเชิงพาณิชย์ และยังเป็นการสร้างพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยได้เลือกพื้นที่แปลงทดลองของสถานีทดลองยาสูบแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ขนาดพื้นที่ 15 ไร่ เป็นที่ตั้งของโครงการแห่งแรก

ผู้ว่าการฯ กล่าวว่า ขณะนี้ ยสท. ได้ปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานให้มีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขี้น โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพนักงานทุกระดับ ทุกฝ่าย จนสามารถมีกำไรอย่างต่อเนื่อง มิได้ขาดสภาพคล่องจนกระแสเงินสดติดลบ ยสท. ยังคงดำเนินกิจการด้วยความไม่ประมาท เพราะยังมีตัวแปรอีกมากมายที่จะส่งผลกระทบโดยตรงกับกิจการของ ยสท. เช่น ภาระภาษีสรรพสามิต ภาระการนำส่งเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรต่าง ๆ ซึ่ง ยสท. ยืนยันว่า ตลอดระยะเวลากว่า 80 ปีที่ผ่านมา การยาสูบแห่งประเทศไทย ได้ปฏิบัติภารกิจนี้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ในฐานะรัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศไทย และจะทำภารกิจนี้ด้วยความเสียสละ เข้มแข็ง เพื่อให้รัฐยังคงมีรายได้นำไปใช้จ่ายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมให้แก่ประชาชนคนไทยต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image