‘ประภัตร’ นำทีมตรวจเยี่ยมชายแดนพุน้ำร้อน ติดตามสถานการณ์นำเข้าและส่งออกสินค้า

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ 5 มี.ค.64 นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะประกอบด้วยนายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร อธิบดีกรมการข้าว นายสุรเดช สมิเปรม รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นานวิวัฒน์ ไชยชะอุ่ม ผอ.กองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ ลงพื้นที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมด่านกักกันสัตว์ และรับฟังการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ห้องประชุม 1 สำนักงานศุลกากรบ้านพุน้ำร้อน โดยมี ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายอิศเรศ รุ่งเรืองชนบท นายด่านศุลกากรสังขละบุรี นายสุรัตน์ นุ้ยป้อม ธนารักษ์จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วม โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ

ในที่ประชุมได้มีการรายงานสถานการณ์การนำเข้าและส่งออกสินค้า ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา มูลค่าสินค้า มาตรการตรวจสอบและควบคุมต่างๆ รวมทั้งความต้องการในสินค้าของประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตรและปศุสัตว์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะนำไปพิจารณานำไปพัฒนาส่งเสริมให้เกษตรกรได้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อไป

จากนั้น นายประภัตร พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยังนิคมอุตสาหกรรมพุน้ำร้อนและไปติดตามการขนย้ายสินค้านำเข้าและส่งออกแบบท้ายชนท้ายที่บริเวณกองร้อยทหารพรานที่ 1111 บ้านพุน้ำร้อนติดกับบ้านทิกิ ประเทศเมียนมา ซึ่งนายประภัตร โพธสุธน ได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก พร้อมกับได้สอบถามผู้ประกอบการและคนงานที่กำลังขนย้ายสินค้าอยู่บนรถ ซึ่งมีทั้งปลาหมึกกล้วยแช่แข็งสดจากทะเลเมืองทวายที่นำเข้าและนำไปจำหน่ายในพื้นที่แม่กลองรวมทั้งสินค้าการเกษตรประเภทหอมแดงจากประเทศเมียนมาด้วย

โดย นายประภัตร โพธสุธน กล่าวว่า หลังจากที่ได้เห็นการส่งสินค้าที่บริเวณชายแดนแล้วก็น่าสนับสนุน เนื่องจากเป็นสินค้าที่เราต้องการ เช่น หมึกกล้วย เพราะทะเลทางบ้านของเรามีจำนวนน้อย อีกทั้งปลาหมึกกล้วยนั้นค่อนข้างตัวใหญ่อย่างที่เห็น และมีเป็นจำนวนมาก แต่ราคาถูก จึงสามารถสนับสนุนให้นำเข้าได้ ส่วนหอมแดงทราบว่านำเข้าโดยไม่ต้องเสียภาษี จึงมีผลกระทบต่อหอมไทยพอสมควร ซึ่งได้บอกไปแล้วว่าอย่าให้นำเข้ามากจนเกินไป

Advertisement

หลังจากกล่าวแล้วเสร็จ นายประภัตร โพธสุธน พร้อมคณะจึงเดินทางไปตรวจราชการต่อที่ บ้าน ช.ช้างชรา ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี .ใช้เวลาตรวจเยี่ยมประมาณ 30 นาที จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมกลุ่มผู้ปลูกพืชอาหารสัตว์และเลี้ยงโคเนื้อบ้านห้วยขาด ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี

ทั้งนี้นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วันนี้มาตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรและด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน มองจากภาพรวมแล้วในอนาคตด่านแห่งนี้จะมีความสำคัญที่สุด ซึ่งจะเป็นด่านขนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี เพราะส่งต่อไปยังแหลมฉบังได้ง่าย การที่ได้มาดูในวันนี้พบว่าด่านปิดทั้งหมด เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้าน

แต่ในภาพรวมตอนนี้ตนคิดว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งในการที่จะนำสินค้าส่งออกไปยังประเทศเมียนมาและนำสินค้าจากเมียนมาเข้ามา เช่นสินค้าทางด้านปศุสัตว์ที่มีทั้งวัว แพะ และแกะ รวมทั้งปลาทะเล ซึ่งสินค้าประเภทนี้เป็นหัวใจสำคัญและมีเป็นจำนวนมากเพราะอยู่ใกล้กับทะเล รวมทั้งยังมีพืชผักผลไม้ที่มีทั้งนำเข้าและส่งออก สิ่งเหล่านี้ตนมองว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งของด่านพุน้ำร้อนแห่งนี้

ต่อไปในอนาคตรวมถึงนิคมอุตสาหกรรมจะเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ สามารถที่จะสร้างรายให้กับพี่น้องประชาชนอย่างมั่นคง แต่ขณะนี้ตัวเลขการนำเข้าส่งออกยังมีน้อยเพระเกิดจากสถานการณ์ที่กล่าวไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าหลังจากสิ้นสุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปแล้ว และเมื่อด่านสามารถกลับมาเปิดเป็นปกติได้ สินค้าต่างๆ ก็คงจะเข้ามาตามเส้นทางนี้มากที่สุด

ทั้งนี้ได้มอบนโยบายในการส่งเสริมให้นักลงทุนเข้ามา ที่จะต้องเร่งดำเนินการในขณะนี้ คือด้านสาธารณูปโภค ขณะนี้มีการดำเนินการด้านถนนแล้ว พร้อมทั้งไฟฟ้า และเรื่องน้ำ ซึ่งมีงบประมาณสนับสนุนในการทำอ่างเก็บน้ำ นำไปใช้ในนิคมอุตสาหกรรมและเกษตรกรในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ยังให้เร่งส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้ โดยให้จัดสรรพื้นที่ให้เกษตรกรมาใช้พื้นที่ในการทำการเกษตรหรือเลี้ยงสัตว์อีกด้วย

ด้าน ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ รอง ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าด่านพุน้ำร้อน มีพื้นที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจากการที่ได้บรรยายสรุปให้ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ฟัง ท่านได้มีความเห็นเห็นว่า ปัญหาของพื้นที่เขตเศรษฐกิจ สิ่งแรกที่เราจะต้องเร่งพัฒนาก็คือโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเราจะต้องเร่งพัฒนาเรื่องนี้ให้เสร็จเสียก่อน เพื่อทำให้เกิดแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจเพื่อให้ผู้ค้าและผู้ขายเข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่แห่งนี้ นี่คือขั้นตอนอันดับแรก

อันดับที่สองคือในเรื่องของการเกษตร เมื่อพื้นที่เสร็จสมบูรณ์แล้วพร้อมที่จะส่งออก ท่านประภัตร มองว่า ในเรื่องของการเกษตรจะต้องมีการพัฒนาควบคู่กันไป โดยเฉพาะในเรื่องของพืชเศรษฐกิจ และปศุสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราจะพัฒนาแล้วจะต้องมีแหล่งน้ำ

ท่านจึงได้มีการสั่งการให้กรมชลประทานให้เข้ามาสำรวจหาแหล่งน้ำในพื้นที่แห่งนี้เพื่อที่จะรองรับการเกษตรของเรา ถ้าสำเร็จแล้วตนเชื่อว่าตรงนี้จะเป็นศูนย์กลางในเรื่องของการส่งออกและนำเข้า เพราะพื้นที่ด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อนแห่งนี้จะได้เปรียบ ซึ่งแต่เดิมประเทศเพื่อนบ้านของเรามีการค้าขายส่งออกทางด่านแม่สอด ซึ่งมีระยะทางที่ห่างไกลกว่าพื้นที่ของเรา อีกส่วนหนึ่งก็คือมีการส่งออกทางด้านด่านสิงห์ขร

เชื่อว่าถ้าเส้นทางระหว่างทวายกับพุน้ำร้อนสร้างเสร็จอย่างสมบูรณ์การเดินทางสะดวก สามารถนำสินค้าเข้า กทม.ในระยะทางที่ใกล้กว่าที่อื่น ฉะนั้นเมื่อถนนหนทางสะดวกผลที่จะตามมาก็คือทางด้านเศรษฐกิจ เพราะการค้าขายก็จะสะดวกมากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image