“ซีอีโอ” RAN ตั้งเป้าดันเครื่องสำอางแบรนด์ไทยโกอินเตอร์

“ซีอีโอ” RAN ตั้งเป้าดันเครื่องสำอางแบรนด์ไทยโกอินเตอร์

น.ส.ปิยาพร พิสิฐวุฒินันท์ CEO แบรนด์ RAN Cosmetic เครื่องสำอางสัญชาติไทย กล่าวถึงกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ด้วยการใช้กลยุทธ์ Professional presenter ว่า เราทำเครื่องสำอางออกมาเราเน้นให้คนได้ใช้จริงในชีวิตประจำวัน ให้ผู้หญิงไทยได้สวย เกิดความมั่นใจเราจึงเลือกที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคคือ มีเมคอัพอาร์ติสมาเป็นตัวแทนของแบรนด์เราที่จะพรีเซ้นท์แป้งออกมาให้ได้ดี และตั้งใจที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ให้ดีแล้ว ยังมีเป้าหมายที่จะต้องสร้างแบรนด์ไทย ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

น.ส.ปิยาพรกล่าวว่า ในเรื่องของตลาดต่างประเทศ เราเริ่มมานานหลายปีแล้ว เรามีพาร์ตเนอร์คู่ค้าเป็นชาวอินโดนีเซีย ซึ่งอินโดฯ ถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ๆ ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร จากการวัดจากยอดขาย และการที่คนอินโดฯ มาประเทศไทยแล้วถามหาแบรนด์ RAN นอกจากนี้ ตลาดพม่า ลาว เขมร ก็ยังถือว่าไปได้สวย แบรนด์เป็นที่รู้จักพอสมควร เน้นทำการตลาดช่องทางของกลุ่มตัวแทนขาย ส่วนเวียดนามที่ตลาดเครื่องสำอางแบรนด์ต่างชาติกำลังบูมและสภาวะเศรษฐกิจในประเทศของเวียดนามเองที่กำลังขยายตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ทาง RAN เล็งเห็นความเป็นไปได้ในการทำการตลาดในเวียดนาม จึงได้ดำเนินการนำผลิตภัณฑ์ RAN Cosmetics เข้าสู่ตลาด ซึ่งก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ก็มั่นใจว่าไปได้ดีอย่างแน่นอน เพราะทางทางทำรีเสิร์ชมาก่อนหน้านี้แล้ว เราจะตีตลาดเวียดนามได้ สินค้าต้องดีมีคุณภาพจริง เหมาะกับผิวหน้าชาวเอเชียจริง ๆ และราคาจับต้องได้

“เราเริ่มต้นจากความไม่รู้อะไรเลย ไม่มีประสบการณ์อะไร มีแต่ความอยากทำ อยากประสบความสำเร็จ และความตั้งใจ เราได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในทุกรูปแบบ การตัดสินใจซื้อ การรับรู้ผ่านสื่อ เราทำรีเสิร์ชเยอะมาก ก่อนที่จะผลิตสินค้าออกมา วาง Position สินค้าในตลาดให้ดี กลุ่มเป้าหมายก็เป็นสิ่งสำคัญ ในราคาที่ตั้งไว้เราจะขายใครบ้าง แพคเกจจิ้งต้องออกแบบยังไงให้น่าสนใจ ซึ่งเรื่องนี้เราได้พบว่า Inside Consumer ของผู้หญิงไทยคือ เมื่อหยิบออกมาใช้ท่ามกลางผู้คน แล้วต้องรู้สึกมั่นใจ มีความพราวด์ในตัวเอง ที่คนเห็นว่าเราใช้แป้งแบรนด์นี้ แพคเกจจิ้งจึงเป็นสิ่งสำคัญรองลงมาจากคุณภาพของแป้ง RAN”น.ส.ปิยาพรกล่าว

Advertisement

น.ส.ปิยาพรกล่าวว่า กลยุทธ์การตลาด การทำประชาสัมพันธ์นั้นเราให้ความสำคัญทั้งOffline และ Online เนื่องจากมันมีความคาบเกี่ยวระหว่างกลุ่มเป้าหมายทั้ง 2 กลุ่มเราให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าทุกเจเนอเรชั่นเป็นสำคัญ Traditional มันมีความน่าเชื่อถือ เป็นภาพลักษณ์ที่ดี สร้างอิมเมจให้กับแบรนด์ ส่วน Online เป็นการสร้างการรับรู้ที่รวดเร็ว ถ้าหากมีการสื่อสารเพื่อกระตุ้นยอดขายในเรื่องของ โปรโมชั่น แพคเกจต่าง ๆ ตรงนี้ออนไลน์ช่วยได้มาก แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องตะหนักคือ ออนไลน์มาเร็วไปเร็ว โดยสื่อสารทั้งที่ผ่านคอนเท้นต่าง ๆ ทางมีเดียของ RAN เอง และสื่อออนไลน์ โซเซียลมีเดีย ของพาร์ตเนอร์ที่เป็น Influencer / KOLs / Blogger ที่พึ่งพอใจในสินค้าของ RAN และเป็นพันธมิตรที่น่ารัก

“ในช่วงโควิด-19 เมื่อปี 2563 ที่เป็นช่วงวัดใจ วัดฝีมือ การใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาของผู้บริหารในทุก ๆ ธุรกิจ คุณปิยาพร ก็นำพาบริษัทที่เธอสร้างมากับมือผ่านพ้นวิกฤติโควิดนั้นมาได้แบบที่นำพาองค์กรไปต่อได้ พนักงานยังอยู่ครบทุกตำแหน่ง และไม่มีการลดเงินเดือน โดยคุณปิยาพรเผยว่า เธอยึดในหลักการ Business Disruption “ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว และต้องปรับให้ได้อย่างรวดเร็ว”น.ส.ปิยาพรกล่าวและว่า ฉะนั้น ช่องทางการขายของเราไม่ได้มีอยู่ช่องทางเดียว จากที่ยอดขายหลัก ๆ เคยมาจากห้างBeauty Store ร้านค้าปลีกต่าง ๆ พอเจอวิกฤติโควิด-19 ทุกอย่างหยุดชะงัก ห้างร้านปิดหมด ออนไลน์เราก็ต้องรีบเข้ามาซัพพอร์ต ดีที่ระบบหลังบ้านของออนไลน์เราแข็งแรงอยู่แล้ว ทำให้เราไปต่อได้ เราทิ้ง เราหยุดไม่ได้เลยบริษัทมีเราเป็นที่พึ่งเดียว และเราเองก็มีพนักงาน ครอบครัวของพนักงานที่เราทิ้งไม่ได้เช่นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image