เอกชน ชี้หากรัฐบริหารวัคซีนตามเป้า จีดีพีไทยมีโอกาสโต 4% ได้ไม่ยาก

เอกชน ชี้หากรัฐบริหารวัคซีนตามเป้า จีดีพีไทยมีโอกาสโต 4% ได้ไม่ยาก

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เดิมสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ คาดการว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ปี 2564 โต 3.5-4.5% แต่หลังจากพบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ในช่วงตอนปี 2564 ที่ผ่านมา จึงได้ปรับลดจากคาดการณ์เดิมเหลือ 2.5-3.5% ใกล้เคียงกับการประมาณการณ์ของภาคเอกชนที่มองว่า จีดีพี ในปี 2564 จะเติบโตที่ 2.6-2.8% อย่างไรก็ตาม การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งเป้าจีดีพี ปี 2564 เติบโต 4% อธิบายได้ว่าทางรัฐบาลอาจมีการประเมินจากธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ที่คาดว่าในปี 2564 เศรษฐกิจโลกจะเติบโต 4-5% จากปัจจัยสำคัญ คือ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้อัดฉีดงบประมาณกว่า 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งเร่งฉีดวัคซีน เพื่อฟื้นเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเด้งตัวกลับมาเร็วและแรงขึ้น

นายเกรียงไกร กล่าวว่า การที่จีดีพีไทย จะโต 4% มองว่ามีความเป็นไปได้ เนื่องจากขณะนี้ รัฐบาลเริ่มมีแผนในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว โดยเริ่มนำร่องจากจังหวัดภูเก็ต เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเข้ามากักตัวและท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก อีกปัจจัยที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยไปถึงเป้าหมายที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งไว้คือ เรื่องการฉีดวัคซีน หากสามารถทำได้ตามเป้าหมาย และทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในช่วง ไตรมาสที่ 4/2564 ได้ การจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ไม่ยาก

“ขณะนี้ เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลเริ่มเดินหน้าอัดฉีดงบประมาณ และเดินหน้ามาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้เพิ่มวันหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้ประชาชนได้มีเวลาท่องเที่ยวมากขึ้นอีกด้วย แต่ต้องย้ำว่าปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นได้จริง คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หากทำสำเร็จตามเป้าหมาย ภาคการท่องเที่ยวและบริการจะได้รับอานิสงส์มากที่สุด และส่งผลให้การจ้างงานกลับมาฟื้นตัว รวมถึงเป็นส่วนเสริมทำให้ภาคการส่งออกไปได้เร็วมากขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และช่วยเหลือเอสเอ็มอี ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อให้ฟื้นตัวไปพร้อมกันด้วย” นายเกรียงไกรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image