พิพัฒน์ คาดสงกรานต์สะพัด 1.2 หมื่นล้าน พ.ค.เริ่มใช้เที่ยวด้วยกัน 3-ทัวร์เที่ยวไทย

พิพัฒน์ คาดสงกรานต์สะพัด 1.2 หมื่นล้าน พ.ค.เริ่มใช้เที่ยวด้วยกัน 3-ทัวร์เที่ยวไทย

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ที่มีวันหยุดยาวรวม 6 วัน ระหว่างวันที่ 10-15 เมษายน รัฐบาลได้อนุญาตให้สามารถจัดกิจกรรมได้ภายใต้เงื่อนไขหลัก คือ งดสาดน้ำ กระทรวงการท่องเที่ยวฯได้หารือร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการหารูปแบบจัดกิจกรรมในช่วงสงกรานต์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว และการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จึงได้รูปแบบการจัดงานแบบริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ และเน้นการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมเป็นหลัก โดย ททท.ประเมินว่า สงกรานต์นี้จะมีความคึกคักมากกว่าช่วงวันหยุดตรุษจีนและวันมาฆบูชาที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงที่คนไทยเดินทางมากที่สุด ทั้งท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนา ประกอบกับได้แรงสนับสนุนจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ เราเที่ยวด้วยกัน เราชนะ จึงคาดว่าจะส่งผลให้มีคนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศประมาณ 3.2 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท

นายพิพัฒน์กล่าวว่า สำหรับการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะนำร่องในวันที่ 1 เมษายนนี้ เบื้องต้นคาดว่าในระยะ 3 เดือน (เมษายน-มิถุนายน) จะมีต่างชาติเดินทางเข้ามาเดือนละ 1 แสนคน รวมเป็น 3 แสนคน ขณะนี้เริ่มมีต่างชาติแสดงเจตจำนงในการเข้ามาเที่ยวไทยแล้ว อาทิ รัสเซีย ยูเครน เยอรมนี และสแกนดิเนเวีย รวมถึงวางแผนในการดึงประเทศในระยะใกล้ หรือเอเชีย เข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้น อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีกำหนดการเปิดประเทศและอนุญาตให้พลเมืองเดินทางออกนอกประเทศแล้ว โดยการนำร่องเปิดประเทศวันที่ 1 เมษายนนี้ มีเงื่อนไขคือ เป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนต้านไวรัสครบ 2 โดสแล้ว ต้องกักตัว 7 วัน ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อเดินทางถึงไทย และพำนักอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งจะนำร่องที่จังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา เกาะสมุย พัทยา และเชียงใหม่

“การทำแซนด์บ็อกซ์ เพื่อนำร่องเปิดประเทศรับต่างชาติเข้ามาก่อนนั้น สำคัญคือคนในพื้นที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสครบ 2 โดสไม่น้อยกว่า 70% ของภาพรวม โดยหากจำนวนวัคซีนที่เข้ามาไม่เพียงพอในการฉีดให้คนในพื้นที่ ก็จะรับต่างชาติมาแบบบล็อกแอเรียให้อยู่จำกัดในพื้นที่นั้นๆ เท่านั้น ซึ่งส่วนนี้จะต้องหารือร่วมกับสาธารณสุขอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ จะเปิดรับต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยแบบไม่กักตัว นำร่องที่ภูเก็ตได้ก่อนแน่นอน แต่ต้องอยู่ภูเก็ตก่อน 7 วัน หากปลอดภัยจึงจะสามารถเดินทางไปเที่ยวที่อื่นได้” นายพิพัฒน์กล่าว

Advertisement

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน (เฟส 3) ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบ ซึ่งธนาคารกรุงไทยเร่งดำเนินการอยู่ เพื่อให้สามารถเปิดลงทะเบียนและใช้ในการท่องเที่ยวได้ทันต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนการป้องกันการทุจริตหลักๆ มีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ ต้องสแกนใบหน้าในการใช้สิทธิผ่านแอพพลิเคชั่น จองล่วงหน้า 7 วัน ไม่สามารถใช้เที่ยวในภูมิลำเนาได้ และปรับคูปองดิจิทัล (อีเวาเชอร์) เหลือ 600 บาท ผู้ประกอบการจะต้องแจ้งราคาห้องพักและจำนวนห้องพักตามจริงก่อนเข้าสู่ระบบ ส่วนทัวร์เที่ยวไทย ที่จะสมทบเงินให้เที่ยวผ่านบริษัททัวร์ มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาทนั้น ใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาเงื่อนไขการปฏิบัติเช่นกัน คาดว่าจะออกมาใช้ได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้

“แนวทางคนละครึ่งในภาคการท่องเที่ยว ที่ภาคเอกชนเสนอนั้น ต้องรอให้เราเที่ยวด้วยกันและทัวร์เที่ยวไทยออกมาก่อน เพื่อประเมินผลตอบรับ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการเดินทางต่อเนื่องมากขึ้นในช่วงโลว์ซีซั่น เพราะทั้ง 2 โครงการกระตุ้นอัตราการเข้าพัก และเที่ยววันธรรรมดา รวมถึง ททท.ยังมีโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวตามแผนงานของ ททท. ที่สามารถดำเนินการต่อได้อีก จึงมองว่าควรรอประเมินโครงการที่มีอยู่และเตรียมออกมาก่อน” นายยุทธศักดิ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image