2 กรมเกษตรฯ ดึงสหกรณ์นำร่องผลิตเมล็ดพันธุ์กัญชง ป้อนอุตสาหกรรม
เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมการผลิตพืชเศรษฐกิจกัญชงโดยสถาบันเกษตรกร ว่า แนวทางดังกล่าวเป็นความความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตร กับกรมวิชาการเกษตร เนื่องจากปัจจุบันมีความต้องการกัญชง เพื่อป้อนระบบอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง น้ำมันเมล็ดกัญชง และอาหารสัตว์ จึงคาดว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ แต่เนื่องจากไทยยังไม่มีการส่งเสริมการปลูกมาก่อน เนื่องจากติดเงื่อนไขทางกฎหมาย
นายวิศิษฐ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปลดล็อก ทำให้หลายอุตสาหกรรมเริ่มวางแผนที่จะนำชิ้นส่วนพืชกัญชงมาใช้ในระบบอุตสาหกรรม ซึ่งกรมได้เตรียมทำตลาดกลางกัญชา กัญชงของสหกรณ์ เพื่อเป็นผู้กำหนดระบบการซื้อขาย ตามกลไกของตลาด
นายวิศิษฐ์กล่าวว่า เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ไทยส่งเสริมการปลูกกัญชง กรมวิชาการเกษตรจึงได้มาหารือถึงแนวทางในการส่งเสริมให้สถาบันเกษตรกรเป็นหน่วยงานที่จะปลูกกัญชงเป็นเมล็ดหรือต้นเพื่อป้อนอุตสาหกรรมในประเทศ ซึ่งกรมเห็นว่าควรจะนำร่องในสหกรณ์ที่มีความเหมาะสมทั้งเชิงพื้นที่ และบางสหกรณ์เคยอยู่ในโครงการปลูกกัญชาทางการแพทย์ โดยสหกรณ์ที่มาหารือ อาทิ สหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด จังหวัดบุรีรัมย์ และสหกรณ์การเกษตรลานสัก จำกัด จังหวัดอุทัยธานี เป็นต้น
“หลังการหารือ ผู้จัดการสหกรณ์จะไปประชุมกับสมาชิกที่ประสงค์จะเข้าโครงการเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาตามที่กฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตการผลิต นำเข้าส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง พ.ศ.2563 กำหนดไว้ต่อไป” นายวิศิษฐ์กล่าว
ด้านนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า เบื้องต้นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่งได้แจ้งความประสงค์ว่าต้องการผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม และพร้อมที่จะรองรับผลผลิตที่ออกมา ปัจจุบันเมล็ดกัญชงราคาจำหน่ายประมาณกิโลกรัม (กก.) ละ 5,000 บาท มีประมาณ 40,000-50,000 เมล็ดต่อกก.
นายพิเชษฐ์กล่าวว่า สำหรับต้นทุนการผลิตที่กรมได้มีการเก็บข้อมูลไว้เบื้องต้นพอสังเขปพบว่า ต้นทุนการผลิตต่อไร่กรณีผลิตเป็นเมล็ดจะอยู่ที่ประมาณ 8,242 บาท/ไร่ รายได้ประมาณ 26,250 บาท/ไร่ กำไรสุทธิประมาณ 18,007 บาท/ไร่ สำหรับต้นทุนต้นสดอยู่ที่ประมาณ 9,028 บาท/ไร่ รายได้ต่อไร่ประมาณ 22,500 บาท กำไรสุทธิประมาณ 12,471 บาท/ไร่ ระยะเวลาการผลิต 180 วัน
