สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คงจีดีพีปีนี้ขยายตัว 2.4% ห่วงฉีดวัคซีนล่าช้า บั่นทอนความเชื่อมั่น

สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คงจีดีพีปีนี้ขยายตัว 2.4% ห่วงฉีดวัคซีนล่าช้า บั่นทอนความเชื่อมั่น

เมื่อวันที่ 8 เมษายน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จัดแถลงข่าวอัพเดทเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปี 2564 นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ได้ประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2564 และปี 2565 ขยายตัว 2.4% และ 3.0% ตามลำดับ ปัจจัยสำคัญคือ การใช้นโยบายการคลังนโยบายการเงินมีข้อจำกัด เนื่องจากหนี้สาธารณะใกล้แตะเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ในขณะที่โอกาสลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจมีอยู่ไม่มาก และการกระจายการฉีดวัคซีนและการเปิดภาคการท่องเที่ยวของประเทศ

นายทิม กล่าวว่า คาดการณ์เงินเฟ้อไว้อยู่ในระดับต่ำ อันเนื่องมาจากความต้องการบริโภคลดลง และดุลบัญชีเดินสะพัดที่อยู่ในระดับเกินดุลไม่มาก อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยว การนำเข้าที่ สูงขึ้น และราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น เป็นความเสี่ยงที่มีผลต่อการคาดการณ์ดุลบัญชีเดินสะพัด นอกจากนี้คาดว่าการเบิกจ่ายทางการคลังยังคงดำเนินไปอย่างช้าๆ

แม้ว่าสถานการณ์ของโรคโควิด-19 จะดูมีความหวังมากขึ้น แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเนื่องจากยังมีการระบาดเป็นระลอกในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลต่อการหดตัวของเศรษฐกิจในประเทศในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในระยะสั้นนี้ อย่างไรก็ตามได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเดือนมีนาคม แต่จะช่วยผลักดันให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจไทยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความรวดเร็วของการได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง และประสิทธิผลในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค

Advertisement

นายทิม กล่าวว่า ความต้องการด้านการท่องเที่ยวน่าจะยังไม่มากในระยะใกล้นี้ เนื่องจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ยังคงเปราะบางทั่วโลก ในระยะกลางปริมาณผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวอาจจะเป็นประเด็นที่ต้องตามดู เนื่องจากโรคระบาดในครั้งนี้ทำให้ธุรกิจโรงแรมหลายแห่งต้องปิดกิจการ นอกจากนี้มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมมูลค่ารวม 3.5 แสนล้านบาท จากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในไตรมาส 2 ของภาคท่องเที่ยวซึ่งเตรียมตัวที่จะกลับมาเริ่มเปิดอีกครั้ง

ทั้งนี้ การส่งออกได้กลับมาเติบโตในช่วงต้นปี 2564 โดยการส่งออกภาคยานยนต์เริ่มฟื้นตัว ดุลบัญชีเดินสะพัดปรับตัวลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเนื่องจากการฟื้นตัวของภาคนำเข้าและความไม่แน่นอนในภาคการท่องเที่ยว ดังนั้นคาดว่าค่าเงินบาทจะผันผวนในระยะสั้น อย่างไรก็ตามคาดว่าค่าเงินบาทจะฟื้นตัวในปลายปี 2564 เนื่องจากภาคท่องเที่ยวค่อยๆปรับตัวดีขึ้นปลายปี เพื่อให้สอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่อาจต้องใช้เวลา

“ได้ปรับประมาณการค่าเงินบาทมาอยู่ที่ 31.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐในช่วงกลางปี จากเดิมคาดไว้ที่ 29.75 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และคาดว่าในช่วงสิ้นปีจะอยู่ที่ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากเดิมคาดไว้ที่ 29 บาทต่อเหรียญสหรัฐ” นายทิม กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image