ส.แอลกอฮอล์ คาดโควิดรอบ3 กระทบกิน-เที่ยวช่วงสงกรานต์ ชี้ 10 วันธุรกิจเสียหาย 1-2 แสนล้าน ห่วงอีก 3 เดือนฟื้นตัว
นายธนากร คุปตจิตต์ เลขาธิการสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย เปิดเผยถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ3 ในประเทศไทย ว่า ครั้งนี้ถือว่าสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งหมด ทั้งธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมห้องพัก ร้านอาหารภัตตาคาร ผู้จำหน่ายวัตถุดิบอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธุรกิจการแสดงและการจ้างงาน เป็นต้น
โดยเป็นการเสียหาย 2 ทางไปพร้อมกัน คือ ความเสียหายจากการจัดเตรียมวัตถุดิบ สต๊อกสินค้าอาหาร-เครื่องดื่ม การจัดจ้างกับผู้ที่เกี่ยวข้อง พ่อครัว นักดนตรี เพิ่มการจ้างพนักงานรองรับการใช้บริการเพิ่ม ซึ่งเป็นการเตรียมไว้สำหรับเทศกาลสงกรานต์ จะเกิดความเสียหายและการเป็นต้นทุนสูงของผู้ประกอบการ
บวกกับความเสียหายจากรายได้ที่หายไปจากการงดยกเลิกห้องพัก ยกเลิกจัดกิจกรรมต่างๆ สถาบันเทิงปิดชั่วคราว 41 จังหวัด รวม 14 วัน ยกเลิกการเดินทางและท่องเที่ยวหลังจากรัฐบาลสนับสนุนการหยุดยาวและงดเก็บค่าผ่านทางเพื่อกระตุ้นการเดินทาง ซึ่งรวมกันแล้วอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื้องกับภาคท่องเที่ยวจะเสียหาย 1-2 แสนล้านบาทในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 10 วัน โดยความเสียหายส่วนใหญ่จะเกิดกับกลุ่มเอสเอ็มอีมากขึ้น
“ที่เรากังวลจากนี้ คือการแพร่ระบาดจะทำให้ประชาชนต้องระมัดระวังการใช้จ่าย เตรียมเงินเพื่อการดูแล และอาจต้องรักษาจากการติดเชื้อโควิด ซึ่งมีการแพร่ระบาดค่อนข้างเร็ว อีกทั้งการหาเงินเพื่อเยียวยาพนักงานหรือดูแลพนักงานหากมีการติดเชื้อไวรัสโควิด จนต้องกักตัวเองทั้งองค์กร ซึ่งตอนนี้ลุกลามไปทุกวงการ เริ่มเห็นการสั่งการให้ทำงานที่บ้าน ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ เริ่มสั่งการแบ่งกำลังการเข้าทำงานปกติที่ทำงาน กับ ทำงานที่บ้านแล้ว หลังสงกรานต์
ซึ่งทำให้ภาวะเหมือนการระบาดรอบแรกกลับมาอีกครั้ง วิตกต่อถึงการแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว อาจไม่ได้ตามที่กำหนด 1 กรกฎาคม หากการแพร่ระบาดยังสูง เพราะต่างชาติก็กังวลต่อการเข้าประเทศที่ยังมีการระบาดสูง และการฉีดวัคซีนยังไม่ได้กว้างขวาง แต่ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่เลือกการแพร่ระบาดด้วยการสั่งล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เพราะทำให้ธุรกิจและเศรษฐกิจเสียหาย อีกประเด็นต้องติดตามคือจากนี้รัฐจะเยียวยาประชาชนและธรุกิจกันอย่างไร รวมถึงงบประมาณที่จะนำมาใช้เพียงพอแค่ไหน“ นายธนากร กล่าว
นายธนากร กล่าวต่อว่า ในส่วนของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เดิมนั้น มีสัญญาณการฟื้นตัวก่อนเกิดเหตุการณ์ระบาดระลอกใหม่ เริ่มมีการสั่งล่วงหน้าเพื่อเตรียมจำหน่ายในเทศกาลสงกรานต์และงานบันเทิงแล้ว แต่เมื่อเกิดการระบาดรอบ 3 นี้ ยอมรับว่าคำสั่งซื้อใหม่ชะงักลงทันที
ดังนั้น เพื่อประคองธุรกิจสมาคมฯได้เสนอให้รัฐ ไม่ให้ใช้โมเดลเหมือนปี 2563 คือการสั่งห้ามหรือจำกัดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านค้าหรือซื้อเพื่อกลับบ้าน เพราะจากตัวเลขการเกิดอุบัติเหตุปีก่อนก็ไม่ได้ลดลง อีกทั้งยังเป็นการเปิดช่องขายสุราเถื่อนหรือลักลอบ อาจเกิดปัญหาการเรียกรับสินบน เพื่อให้สามารถจำหน่ายได้ หรือลักลอบจัดดื่มเป็นกลุ่มก้อน อาจไม่คุ้มค่าความเสี่ยงต่อการควบคุมผู้ติดเชื้อรายใหม่
ทั้งนี้ประเมินว่าอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยปี 2564 จะต่ำกว่าปีก่อนหรือมูลค่าจาก 3 แสนล้านบาท เหลือ 2.6-2.7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงตอ่เนื่องเป็นปีที่ 2 จากปี 2562 ตลาดอุตฯมีมูลค่า 3.7 แสนล้านบาท
นายธนากร กล่าวต่อว่า ตนในฐานะตัวแทนสมาคมฯได้เข้าร่วมงานสัมมนาจัดทำยุทธศาสตร์จัดเก็ยภาษีสรรพสามิต ในวันที่ 8 เมษายน โดยเสนอให้ภาครัฐ เตรียมมาตรการชดเชยผลกระทบจากคำสั่งการปิดสถานบริการ เช่น มาตรการทางภาษี และการทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการ ที่รับภาระต้นทุนจากการสต็อกสินค้า และว่าจ้างนักร้อง นักดนตรีไปแล้ว เป็นต้น
โดยอยากให้ชัดเจนทั้งแผนฟื้นฟูกิจการ และเยียวยาทั้งผู้ประกอบการและพนักงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นการลดหย่อนภาษีก็หมดลงแล้ว การระบาดครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งแรก คาดว่ากว่าจะฟื้นตัวคงใช้เวลาเกิน 3 เดือนนับจากนี้ ซึ่งจะเกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอีกมากในช่วงไตรมาส 2/2564