สรท.ห่วงโควิดรอบใหม่ ผงาดกว่ารอบก่อน แนะงดเข้าผับ-บาร์ แต่ไปร้านอาหารได้
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การที่กระทรวงการคลังได้ประเมินตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2564 ไว้ 3-4% อาจจะเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมา เช่น คนละครึ่ง เราชนะ ม.33เรารักกัน เป็นต้น และอาจจะมองว่ามีการเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ในจ.ภูเก็ต แต่ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ประเมินจีดีพีไทยขยายตัวน้อยลงจาก 2.7% เหลือ 2.6% เป็นการมองจากด้านนอกว่าเศรษฐกิจภายในประเทศไทยไม่ได้กระเตื้องขึ้นมาก อย่างไรก็ตามการส่งออกของไทยยังมีทิศทางขยายตัวเพิ่มขึ้น
แต่การระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่นี้ มีความน่ากลัวมาก เพราะเป็นการติดภายในกลุ่มคนที่มีอำนาจซื้อ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ช่วยในการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้ทางสรท.ไม่มีความมั่นใจเลย ต่างจากรอบที่แล้วที่การระบาดอยู่ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว แต่การเคลื่อนย้ายของแรงงานต่างด้าว ไม่ได้มีการเดินทางกระจายตัวไปทั่วประเทศ ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ติดมาตอนนั้นเป็นพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดข้างนอก ประเมินไว้เบื้องต้นว่ามีความเสี่ยงที่จีดีพีจะไม่ถึง 4% ตามที่กระทรวงการคลังประเมินไว้
การที่ประเทศไทยจะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้ามา แต่ใช่ว่าฉีดวัคซีนมาแล้วจะไม่มีโอกาสติดเชื้ออีก ซึ่งคนในประเทศยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนมากเท่าที่ควร แล้วถ้าเกิดคนไทยไปแพร่เชื้อให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก ก็จะเกิดการติดเชื้อกันไปมา ซึ่งเมื่อเขากลับประเทศไปไปแพร่เชื้อใหม่ที่นั้นอีก คนทั่วโลกก็จะมาด่าที่ประเทศไทยอีก ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีการกระจายฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้เร็วและให้มากที่สุด
การระบาดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลายจังหวัดมีการให้กักตัวสำหรับคนที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯแล้ว จะทำให้มีการเดินทางลดลง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็จะลดตามลงเช่นกัน ส่วนแรงงานที่กลับต่างจังหวัดไปก็ต้องถูกกักตัว 14 วัน ทำให้กว่าจะกลับเข้ามาในกรุงเทพฯได้ ต้องเสียรายได้จากการที่ไม่ได้ทำงานอีก
“ถ้าทุกคนอยู่กับที่ 2 สัปดาห์ – 1เดือน ไม่ต้องสังสรรค์ งดเข้าผับ บาร์ ที่เป็นสาเหตุของการระบาด ก็เป็นการตัดตอนเชื้อไวรัสโควิด-19ได้ แต่ไม่ได้บอกว่าให้ปิดร้านอาหาร คือออกไปได้ ไปกับคนที่รู้จัก ครอบครัว เพื่อนฝูง แต่ต้องออกไปด้วยความระมัดระวัง ป้องกันความเสี่ยง” นางสาวกัณญภัค กล่าว
