เปิดใจ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีต รมต.ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ปรับโหมดสู่ CEO หมื่นล้าน

เปิดใจ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" อดีต รมต.ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ปรับโหมดสู่ CEO อสังหาฯ หมื่นล้าน

เปิดใจ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีต รมต.ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ปรับโหมดสู่ CEO อสังหาฯ หมื่นล้าน

จากภาพจำในฐานะ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีตรัฐมนตรีผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ซึ่งเป็นฉายาที่โลกโซเชียลมีเดียมอบให้เขาในสมัยร่วมคณะรัฐมนตรียุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ชีวิตของ “ชัชชาติ” ถึงจุดเปลี่ยนเมื่อมีรัฐประหารกลางปี 2557 รัฐมนตรีและนักการเมืองหลายคนจะตกงาน แต่…ไม่ใช่เขา

เพราะทันทีที่หลุดพ้นจากแวดวงการเมือง “เฮียตึ๋ง-อนันต์ อัศวโภคิน” ซูเปอร์บอสเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก็ฉกตัว “ชัชชาติ” มานั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)

ช่วงแรกของการปรับโหมดการทำงานใหม่ จากซีอีโอภาครัฐ (บนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม) มาเป็นซีอีโอภาคเอกชน แม้สื่อหลายต่อหลายสำนักส่งเทียบเชิญขอนัดสัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ แต่ชัชชาติก็เลือกที่จะโลว์โปรไฟล์ตัวเอง

Advertisement

อย่างไรก็ตาม รอไม่นานเพราะ 5 เดือนเศษหรือประมาณกลางปี 2558 “ซีอีโอชัชชาติ” ก็พร้อมเปิดตัวแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวสายอสังหาริมทรัพย์ นำเสนอแคมเปญแรกที่ผลิตจากมันสมองก้อนโตของเขา ใช้ชื่อว่า “The future is here” โดยเลือกโครงการซูเปอร์ลักเซอรี่แบรนด์ คิว ทเวลฟ์ (Q Twelve) เป็นสถานที่จัดแถลงข่าว

สำหรับคนที่อาจไม่รู้ โครงการคิว ทเวลฟ์ มีคฤหาสน์เพียง 12 หลัง ราคาหลังละ 80-150 ล้านบาทขึ้นไป ทำเลอยู่โซนพุทธมณฑลสาย 2 ย่านบ้านแพงของกรุงเทพฯ

วันนั้น ชัชชาตินำเสนอคัมภีร์หลักของการพัฒนาที่ดิน ไม่ใช่ “ทำเล ทำเล และทำเล” อีกต่อไป หากแต่เป็น “การเดินทาง การเดินทาง และการเดินทาง” (Transportation Transportation Transportation) เพราะทำเลยังคงเป็นทำเลเดิมๆ แต่ทำเลจะเปลี่ยนก็ต่อเมื่อการคมนาคมขนส่งมีการเปลี่ยนแปลง ผลักดันให้ทำเลต้องเปลี่ยนตามไปด้วย

Advertisement

ล่าสุด อายุงานซีอีโอชัชชาตินับได้ 1 ปี 8 เดือน คราวนี้เขาเปิดห้องทำงานบนชั้น 7 อาคารลุมพินีทาวเวอร์ หัวมุมถนนสาทร ให้สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟทีมข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” เหตุผลในการรับนัดสัมภาษณ์ครั้งนี้เว้ากันแบบซื่อๆ ว่า “…ตอนนี้สำเร็จแล้ว เจอกันได้แล้วครับ (หัวเราะ)”

ภาพความสำเร็จมาจากผลประกอบการครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้ 10,776 ล้านบาท เติบโต 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในด้านกำไรก็เพิ่มขึ้นเป็น 2,217 ล้านบาท เติบโต 33% เป้าหมายรายได้ทั้งปี 21,000 ล้านบาท เชื่อมั่นว่าทำได้แน่นอน

แต่ก่อนแต่ไรคิวเฮ้าส์ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าตลาดบ้านแพง จนถึงทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่เพียงแต่ทำน้อยลง เพราะสัดส่วนรายได้จาก 3 เซ็กเมนต์ “บน-กลาง-ล่าง” สูตรที่ปรุงออกมาคือ 25/50/25 ถอดรหัสรายได้เป็นบ้านแพง 25% บ้านระดับกลางๆ ราคา 3-10 ล้านบาท 50% กับตลาดล่างอีก 25%

กลยุทธ์ยุคซีอีโอชัชชาติ คือในเมื่อคิวเฮ้าส์มีโปรดักต์อสังหาฯ ทุกประเภท ครบทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดฯ จุดเน้นคือไม่ว่าจะจับตลาดกลุ่มไหน โปรดักต์จะต้องเป็นกลุ่มพรีเมียมของเซ็กเมนต์นั้นๆ เสมอ

แผนลงทุนครึ่งปีหลัง แม้จะแบไต๋ออกมาว่าเตรียมเปิดตัวห้องชุดราคาตารางเมตรละ 3 แสน ทำเลปากซอยสุขุมวิท 6 แต่สินค้าทาวน์เฮ้าส์กลับเป็นตัวที่หยิบยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยมาก มองว่าเป็นเมกะเทรนด์ในยุคที่รถไฟฟ้าหลากสีเริ่มทยอยสร้างเสร็จและเปิดให้บริการ

ตัวอย่างล่าสุดโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) เปิดบริการตั้งแต่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา โปรดักต์ธงที่เข็นออกมาสู้เป็นทาวน์เฮ้าส์มีนวัตกรรมภายใต้แนวคิด “พรีเมียม อีโคโนมี” ราคา 2.5-3 ล้านบาท แข่งกับคอนโดฯ ที่เปิดจนซัพพลายทะลักทะล้น

จุดแข็งอยู่ที่คอนโดฯ ตารางเมตรละ 8 หมื่น-1 แสนบาท เทียบกับทาวน์เฮ้าส์ตกตารางเมตรละ 3 หมื่น แต่ได้โฉนด ที่จอดรถ 2 คัน พื้นที่ก็เยอะกว่า แถมมีให้เลือกในรัศมีเพียง 500-800 เมตรห่างจากสถานีรถไฟฟ้าอีกต่างหาก

“โลกธุรกิจทุกวันนี้ต้องแข่งขันกันที่อินโนเวชั่น การเลือกทำเลก็เป็นอินโนเวชั่นอย่างหนึ่ง เซอร์วิส โปรดักต์พรีเมียม อีโคโนมี ก็เป็นอินโนเวชั่นได้ทั้งนั้น ถ้าจับจุดให้ถูกและเลือกนำเสนอให้เป็น”

กับคำถามใช้แนวทางบริหารภาครัฐมาปรับใช้กับการทำงานที่คิวเฮ้าส์บ้างหรือไม่ คำตอบคือนำแนวทางส่วนตัวมาใช้บริหารบางอย่างมากกว่า

“ตัวเราบริหารรัฐ เอกชนก็ตาม อยากให้ลูกน้องเป็นยังไงก็ทำอย่างนั้นให้เขาดู ตอนเป็นรัฐมนตรีบอกว่าให้ความสำคัญในการดูแลประชาชน เราก็ออกไปดูแล ไม่ใช่พูดอย่างทำอย่าง ถ้าไม่ออกไปดูก็ไม่รู้ว่าชาวบ้านลำบากยังไง หรือลูกบ้าน (ลูกค้า) คิดยังไง ถ้าไม่เคยไปฟังที่ลูกบ้านด่าก็ไม่มีประโยชน์ หลักง่ายๆ 2 งานนี้ไม่ต่างกันมาก เป็นเซอร์วิส อินดัสตรีเหมือนๆ กัน”

ถ้าอย่างนั้น บนเก้าอี้ซีอีโอคิวเฮ้าส์เข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรในองค์กรบ้าง

“หลายเรื่องครับ ทิศทาง อินโนเวชั่น ทำแบรนดิ้งให้ดูหนุ่มขึ้น เดิมคิวเฮ้าส์ดูแก่ๆ หน่อย ดูแลพนักงานให้ดีขึ้น ผมมองว่าทุกคนทำงานไม่ได้เพื่อบริษัทหรอก คนต้องดูแลครอบครัวและชีวิตตัวเอง นั่นคือที่เรารู้สึก เราต้องดูแลเขา (พนักงาน) ให้ดี แล้วเขาจะดูแลบริษัทให้ดีเอง อย่าไปคาดคั้น ทุกคนต้องทำเพื่อตัวเอง ผมก็บอกลูกน้องว่า เป้าหมายคุณไม่ใช่บริษัท แต่เป็นชีวิตคุณ แต่บริษัทช่วยให้ดูแลครอบครัวคุณให้ดี อันนั้นคือหัวใจ”

นอกจากคำตอบแบบยาวๆ เรื่องการบริหารคนแล้ว เมื่อถูกถามถึงสูตรการทำงานใน 1 วันของเขา คำตอบที่ได้กลับเรียบง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ

“ผมนี่ 3 ทุ่มเข้านอน ตื่นตี 3 ครึ่ง ก็มา วิ่งออกกำลังกายที่สวนลุมฯ วันละชั่วโมง 07.30 น. เริ่มทำงาน เลิกตอน 17.00-18.30 น. ปกติทุกอย่าง ถ้าเราไม่กลับ คนอื่นก็กลับไม่ได้ไง”

คําถามสุดท้ายหนีไม่พ้นวิเคราะห์ทำเลดาวรุ่ง ข้อมูลที่พรั่งพรูออกมา ทำเลเด่นสุดตอนนี้ยกให้โซนราชพฤกษ์เพราะถูกโอบล้อมด้วยอินฟราสตรักเจอร์ทั้งทางด่วนศรีรัชวงแหวนรอบนอกกับรถไฟฟ้าสีม่วง เปิดให้บริการแล้วทั้งคู่ ยังมีขยายถนนราชพฤกษ์ 10 เลน เปิดหน้าดินฝั่งธนฯ เพราะเดิมติดปัญหาการเดินทางข้ามฝั่งเจ้าพระยา

ที่เหลือทำเลดอนเมืองกับโซนบางนามีจุดเหมือนกันคือมีทั้งรถไฟฟ้ากับทางด่วนอยู่ใกล้ ลิงก์การเดินทางถึงกันสะดวก

และคำตอบสุดท้าย สไตล์ชัชชาติ เขาก็ยังยืนยันว่า คีย์เวิร์ดที่จะทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ประสบความสำเร็จ ก็ยังคงเป็นเรื่อง Transportation Transportation และ Transportation นั่นเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image