‘ทีเอ็มบี’ โชว์งบไตรมาส 1/64 กำไร 2,782 ล้านบาท ย้ำฐานะการเงินธนาคารแข็งแกร่ง พร้อมสู้โควิด

ทีเอ็มบีโชว์งบไตรมาส 1/64 กำไร 2,782 ล้านบาท ย้ำฐานะการเงินธนาคารแข็งแกร่ง พร้อมสู้โควิด

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 ธนาคารมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,782 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125% จากไตรมาส 4/2563 เนื่องจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองฯ ที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่แล้ว โดยธนาคารตั้งสำรองฯ เป็นจำนวน 5,480 ล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับภาวะปกติ แต่ลดลงเมื่อเทียบกับ 8,237 ล้านบาทในไตรมาส 4/2563 ซึ่งธนาคารได้ตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อเตรียมการล่วงหน้าสำหรับปี 2564 โดยภาพรวมธุรกิจยังคงมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ธนาคารจึงเน้นการเติบโตธุรกิจอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อที่ต้องเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ แม้อาจทำให้เห็นแรงกดดันต่อรายได้ดอกเบี้ย แต่ที่สำคัญกว่าคือ การไม่เพิ่มความเสี่ยงให้กับงบดุลหรือคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารในสภาพแวดล้อมเช่นนี้

ที่ผ่านมาถือว่าทีเอ็มบีและธนชาต สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้เป็นอย่างดีแม้จะอยู่ระหว่างการดำเนินงานของการรวมกิจการทั้ง 2 ธนาคารเข้าด้วยกัน สะท้อนได้จากอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่อยู่ในกรอบเป้าหมายมาโดยตลอดนับตั้งแต่รวมกิจการ ส่วนสถานการณ์ด้านโควิด-19 พบว่าลูกค้าธนาคารมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมา เห็นได้จากสินเชื่อที่อยู่ภายใต้โครงการให้ความช่วยเหลือที่ทยอยปรับตัวลดลงเป็นลำดับ จากเริ่มแรกที่ประมาณ 40% ของสินเชื่อรวม มาอยู่ที่ 14% สิ้นไตรมาส 1/2564 โดยจากการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด พบว่าลูกค้าที่อยู่ภายใต้โปรแกรมความช่วยเหลือยังคงมีความสามารถในการชำระคืนหนี้ ส่วนใหญ่เพียงแค่ขอให้ธนาคารช่วยปรับรูปแบบการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับสภาพคล่องของลูกค้าในช่วงที่ได้รับผลกระทบเท่านั้นนายปิติ กล่าว

นายปิติ กล่าวว่า การระบาดโควิดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ประเมินว่าอาจส่งผลกระทบในระยะถัดไป แต่มองว่าทีเอ็มบีและธนชาต รวมถึงธนาคารไทยแห่งอื่นๆ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะเป็นฐานเงินทุน สภาพคล่อง หรือความสามารถในการรองรับความเสี่ยง อีกทั้งในปีที่ผ่านมา แต่ละธนาคารก็ได้ดำเนินการตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อเตรียมรับแนวโน้มสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2564 โดยปัจจัยสำคัญคือ มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาทิ การขยายระยะเวลาพักชำระหนี้โครงการโกดังพักหนี้และสินเชื่อฟื้นฟู ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่เอื้อให้ธนาคารสามารถให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้ตรงจุดยิ่งขึ้น ช่วยต่อเวลาและเพิ่มโอกาสให้กับลูกค้าที่ยังมีศักยภาพในระยะยาว ทั้งยังช่วยลดผลกระทบต่อธนาคารด้านการตั้งสำรองฯ และช่วยให้การจัดการคุณภาพสินทรัพย์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ปัจจัยทั้งสองส่วน ทั้งความแข็งแกร่งของธนาคารเองและกลไกจากภาครัฐ จึงเชื่อว่าธุรกิจธนาคารไทยมีความพร้อมที่จะรับมือ และให้ความช่วยเหลือลูกค้าภายใต้แนวโน้มเศรษฐกิจที่ต้องอาศัยเวลาในการฟื้นตัวเพื่อกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤตโควิด

ทั้งนี้ ธนาคารมีเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 1.38 ล้านล้านบาท ลดลง 0.9% จากสิ้นปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามแผนของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างระมัดระวัง โดยเน้นไปที่การปล่อยสินเชื่อในกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลัก อาทิสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อ แม้จะมีอัตราผลตอบแทนที่ต่ำกว่าสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน แต่ก็ช่วยจำกัดความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางจากสถานการณ์โควิดได้ ส่วนรายได้จากดอกเบี้ยนั้น แม้การปรับโครงสร้างเงินฝากภายหลังการรวมกิจการ จะส่งผลให้ต้นทุนเงินฝากปรับตัวลดลง แต่จากแนวทางการปล่อยสินเชื่อข้างต้นและภาวะดอกเบี้ยต่ำ ส่งผลให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย ลดลงมาอยู่ที่ 3.00% เทียบกับ 3.06% ในไตรมาสก่อนหน้า และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 12,872 ล้านบาท หรือลดลง 4.8% จากไตรมาสก่อน ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิอยู่ที่ 3,032 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 2.1% จากไตรมาสก่อน ทำให้โดยรวมธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3,971 ล้านบาท ลดลง 7.6% จากไตรมาสก่อน ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อยู่ที่ 7,928 ล้านบาทลดลง 2.0% จากไตรมาสก่อน และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ 47% เป็นไปตามกรอบเป้าหมายที่ 47%-49%

Advertisement

จากรายได้และค่าใช้จ่ายข้างต้น ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ อยู่ที่ 8,898 ล้านบาท ลดลง 9.3% สะท้อนให้เห็นผลจากการเติบโตธุรกิจอย่างระมัดระวังท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง ขณะที่ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองฯ ลดลง 33.5% มาอยู่ที่ 5,480 ล้านบาท จึงทำให้มีกำไรสุทธิ 2,782 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125.3% จากไตรมาส 4/2563

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image