‘เอเซียพลัส’ ชี้หุ้นไทยยังขึ้นต่อ หลังเห็นยืนเหนือเส้นเทคนิคกว่า 80% สะท้อนความแข็งแกร่ง

เอเซียพลัสชี้หุ้นไทยยังขึ้นต่อ หลังเห็นยืนเหนือเส้นเทคนิคกว่า 80% สะท้อนความแข็งแกร่ง

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมการลงทุนในช่วงไตรมาส 2 ปี 2564 ยังมีปัจจัยบวกสนับสนุน ทั้งสภาพคล่องส่วนเกินที่อยู่ในระดับสูง ที่มีโอกาสช่วยให้ตลาดหุ้นไทยสามารถปรับขึ้นดีกว่าตลาดในภาพรวมได้ ส่วนการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ประเมินผลกระทบต่อคาดการณ์เศรษฐกิจ 2.6% และกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย ปี 2564 ในวงจำกัด ซึ่งประเมินกำไรบจ. ไว้ที่ 70.2 บาทต่อหุ้น แม้ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยจะเผชิญผลกระทบจากไวรัสระบาด ส่วนมาตรการที่รัฐออกควบคุมการระบาดในรอบนี้ ถือว่ามีผลกระทบต่อกิจกรรมเศรษฐกิจน้อยกว่าช่วงไตรมาส 2/2563 เพราะรัฐบาลไม่มีการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว รวมถึงยังมีโอกาสเห็นมาตรการที่รัฐบาลอัดฉีดเงินออกมาเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อเนี่อง บวกกับการเร่งทยอยฉีดวัคซีนในไทยเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดในแต่ละเดือน โดยคงเป้าหมายดัชนีปี 2564 ที่ 1,670 จุดพร้อมแนะเสริมน้ำหนักลงทุนต่างประเทศในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด สอดรับปัจจัยเชิงบวก

นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า สภาพคล่องส่วนเกินยังมีอยู่สูง สะท้อนจากเงินฝากในระบบ ที่ปัจจุบันมีกว่า 15.72 ล้านล้านบาท และเริ่มเห็นการเคลื่อนย้ายเข้ามาสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ทั้งจากการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากข้อมูลล่าสุดพบว่า เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มียอดการเปิดบัญชีใหม่ถึง 2.7 แสนบัญชี ซึ่งสูงกว่า 8 เท่าของการเปิดบัญชีใหม่ต่อเดือนในอดีต ขณะที่การลงทุนผ่านกองทุนรวม มีการให้น้ำหนักลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน อีกทั้งปัจจุบันยังเห็นการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัย มาสู่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอยู่เพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีล) ระยะยาวปรับตัวขึ้นเร็ว แต่ระยะสั้นยังอยู่ในระดับต่ำ ใกล้เคียงกับดอกเบี้ยนโยบายมานานกว่า 8 เดือน ทำให้นักลงทุนเริ่มค้นหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนจูงใจกว่า อาทิ ตลาดหุ้นซึ่งสอดคล้องกับสถิติในอดีตช่วงหลังปี 2552 ที่หากบอนด์ยีลระยะยาวขยับขึ้น แต่ระยะสั้นยังอยู่ในระดับต่ำ มักจะตามมาด้วยตลาดหุ้นที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น

ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงสนับสนุนจากสภาพคล่องส่วนเกินที่อยู่ในระดับสูง และทิศทางเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัว แม้ช่วงสั้นจะเผชิญกับการระบาดโควิดระลอก 3 แต่มองว่าผลกระทบค่อนข้างจำกัดเพียงบางกลุ่มและไม่รุนแรงเท่ากับปีก่อนหน้า ส่วนทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) มีแนวโน้มอย่างไรนั้น เชื่อว่ายังมีโอกาสไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้ ส่วนจะเห็นช่วงใด ขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะกลับมาอยู่ในช่วงอ่อนค่าลงชัดเจน จึงยังไม่ได้มองภาพตลาดหุ้นเลวร้ายมากนักนายเทิดศักดิ์ กล่าว

ด้านนายภาดร สุขสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การลงทุนและผลิตภัณฑ์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แม้จะเกิดความกังวลในช่วงที่ดัชนีหุ้นปรับขึ้นทดสอบระดับ 1,600 จุด แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ บวกกับเจอแรงกดดันจากการระบาดโควิดรอบใหม่ ทำให้ดัชนีปรับลดลงมา จนทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,529 จุด ก่อนจะทยอยปรับขึ้นมานั้น เบื้องต้นประเมินภาพรวมพบว่า หุ้นไทยยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เพราะหากพิจารณาจากจำนวนหุ้นที่สามารถยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยอีเอ็มเอ 200 วัน ซึ่งหมายความว่า หากยืนเหนือเส้นดังกล่าวได้ จะถือเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว โดยปัจจุบันจำนวนหุ้นที่ยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว มีจำนวนกว่า 80% ของตลาดรวม ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2560 สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางขาขึ้นของตลาดหุ้นไทยอย่างแข็งแรง ซึ่งสอดคล้องกันทั้งปัจจัยภาพรวมและปัจจัยทางเทคนิค

Advertisement

ความกังวลการระบาดโควิดที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย วงจรที่เกิดขึ้นในช่วงแรก จะเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เร่งตัวขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นจะเกิดความกังวลสะท้อนให้ราคาหุ้นปรับระดับลงมา เมื่อเกิดสถานการณ์ดังกล่าว จะเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และออกมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นจะตอบรับด้วยการไม่ปรับระดับลงแล้ว ก่อนจะฟื้นตัวในระยะถัดไป โดยที่ผ่านมาเห็นตลาดหุ้นเข้าสู่วงจรนี้มา 2 ครั้งแล้ว ตั้งแต่การระบาดระลอกแรกและระลอก 2 ที่ผ่านมานายภาดร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image