บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ถือเป็นธุรกิจเครือข่ายขายตรง หรือ MLM แห่งแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อช่วงปลายไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีสินค้าที่พลิกประวัติศาสตร์ ด้วยยอดขายทะลุ 1 ล้านกล่อง สร้างชื่อให้ซัคเซสมอร์ คือไฟโตวี่ (PHYTOVY) เป็นผลิตภัณฑ์ดีท็อกซ์ลำไส้ ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย
นับเป็นธุรกิจเครือข่ายขายตรงที่ประสบความสำเร็จสูงสมกับชื่อบริษัท ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมภาษณ์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท คุณนพกฤษฎิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) เอ่ยถึงที่มาของชื่อบริษัท เริ่มจาก Painpoint ของคุณนพเอง
ในวัยเด็กเกิดมาในครอบครัวที่ยังไม่มีฐานะ ใน อ.เบตง จ.ยะลา มีอาชีพกรีดยาง ซึ่งต้องช่วยที่บ้านกรีดยางตั้งแต่ยังเรียนประถม 4 ต้องรับจ้างชกมวยเพื่อส่งตัวเองเรียน พัฒนาตัวเอง เพราะต้องการถีบตัวเองให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
“ผมเป็นนักสู้ผู้พิชิต ในวัยเด็กชีวิตเป็นแนวซำเหมาพเนจร สู้ทุกอย่างเพื่อเรียนหนังสือสูงๆ ได้เรียนที่สาธิต ม.อ.ปัตตานี สายวิทย์ จนสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยสงขนานครินทร์ คณะอุตสาหกรรมการเกษตร ทั้งพี่และน้องช่วยกันกรีดยางเพื่อส่งผมคนเดียวเรียนระดับปริญญา แต่พอเรียน รู้ตัวว่าไม่ชอบ จึงตัดสินใจเลิกเรียน ทำให้ที่บ้านผิดหวังมากไม่ส่งให้เรียนต่อ แต่ผมไม่อยากย้อนกลับไปมีชีวิตแบบเดิม เพราะชีวิตคงอยู่แค่กรีดยาง ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ รับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟ เป็นกัปตันร้านอาหาร เพื่อส่งตัวเองเรียน เลือกเรียนด้านมาร์เก็ตติ้ง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ใช้เวลาเรียน 3 ปีจบ ด้วยเกรด 3 กว่า จึงมั่นใจว่าใช่ตัวเรา จากนั้นก็สอบเข้าทำงานได้บรรจุที่ธนาคารกรุงไทย ซึ่งในหัวคิดตลอดเวลาว่า จะเสียเวลาในชีวิตไม่ได้แล้ว เพราะเสียเวลามาครั้งหนึ่งที่เลือกเรียนผิดคณะ เสียเวลาไปเปล่าๆ 2 ปี จึงสอบชิงทุนเป็นนักเรียนทุนธนาคาร เลือกเรียนปริญญาโทที่นิด้า เป็นฝันเล็กๆ ของเด็กต่างจังหวัด ยังไม่กล้าคิดจะเรียนเมืองนอก”
คุณนพต้องใช้ทุนคืนให้กรุงไทย 6 ปี แต่หลังทำอยู่ 3 ปี ชีวิตก็หักเหอีก ย้ายไปทำไฟแนนซ์แห่งหนึ่งที่ชวนไปทำงาน ด้วยขณะนั้นธุรกิจไฟแนนซ์มาแรง “งานกำลังรุ่งจากตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหารเตรียมขึ้น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ มาเจอเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 ไฟแนนซ์โดนสั่งปิด ความรู้สึกตอนนั้น เหมือนคนอกหัก”
คุณนพอกหักได้ไม่นาน ชีวิตต้องไปต่อ เหมือนอยู่บนถนนทาง 2 แพร่งให้ตัดสินใจว่าจะไปทางไหน สุดท้ายเลือกอาชีพที่สองที่เคยทำในระหว่างทำไฟแนนซ์ คือเป็นวิทยากรฝึกอบรมเกี่ยวกับการขาย เป็นธุรกิจขายตรงของต่างประเทศ แทนที่จะเลือกทำงานกับไฟแนนซ์ที่ยังเปิดกิจการ เพราะคิดว่าโปรไฟล์ของตัวเอง จบมาร์เก็ตติ้ง เอ็มบีเอ ไม่ได้จบนอก น่าจะสู้คนที่จบวิศวะด้านการเงิน จบป.โท เอ็มบีเอ และจบนอก ไม่ได้แน่นอน
ซึ่งคิดไม่ผิด เพราะหลังเป็นวิทยากรนักการขายได้ 1 ปี ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย และได้ค้นพบศักยภาพของตัวเองด้านการขาย คุณนพบอกว่าเคยกลัวเรื่องงานขายมาตลอด แต่พอได้ลงมือและทำได้ เหมือนทลายกำแพงและรู้ความสามารถของตัวเอง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ แชมป์ประเทศไทยฝ่ายขาย 2 ปีต่อเนื่อง
ดูเหมือนเส้นทางนักขายของคุณนพกำลังรุ่ง แต่ก็มาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อเพื่อนสนิทสมัยประถม เด็กเบตงบ้านเดียวกัน นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ผู้ร่วมก่อตั้ง SCM และประธานกรรมการบริหาร ต้องการแก้ Painpoint ของคนไข้ ซึ่งคุณหมอสิทธวีร์ ต้องการรักษาคนไข้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ จากปัจจุบันพบว่าคนไข้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะรักษาแล้วก็กลับมาเป็นใหม่ จึงมองว่าการรักษาที่ต้นเหตุที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดโรค นั่นคือการดูแลเรื่องการกินเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อโรค จึงมาร่วมกันทำธุรกิจด้านอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ แต่เริ่มจากการร่วมกับแบรนด์ที่ทำตลาดอยู่แล้ว ก็พบ Painpoint อีกข้อคือ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะทำตลาดเชิงมูลค่า ขณะที่คุณหมอสิทธวีร์ และคุณนพอยากทำตลาดเชิงคุณค่า หรือ Value Marketing จึงตัดสินใจออกมาทำธุรกิจกันเอง และนี่คือที่มาของ บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) โดยวาง Position บริษัทว่า ไม่ได้อยู่ในธุรกิจเครือข่าย แต่เป็นธุรกิจเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนด้วยเครือข่าย และเป็นที่มาของชื่อบริษัท ซัสเซสมอร์ : ความสำเร็จที่เพิ่มขึ้น
“สิ่งที่ต้องเตรียมไว้เป็นเครื่องมือในการทำ Positioning คือต้องมีระบบการบริหารทั้ง Mission, Vision แผนกลยุทธ์เหมือนองค์กรชั้นนำระดับโลก มีระบบงานที่ดีรองรับ มีสินค้าที่ดีคุ้มค่าเงิน ที่สำคัญคือเราเป็น People Business ต้องมีระบบทรานส์ฟอร์มคนให้พร้อม สำคัญคือ Mindset จึงสร้างสถาบันพัฒนาผู้นำที่เรียกว่า Successmore Leadership Academy หรือ SLA ทรานส์ฟอร์ม Mindset แล้ว up เรื่อง Leadership จากนั้นก็เพิ่ม Skill ควบคู่กับ Habit ให้มีการเปลี่ยนนิสัย” คุณนพกล่าว และว่า ต้องขอบคุณบริษัทที่เคยร่วมงานมาทั้งหมด ถือเป็นโรงเรียนชั้นเลิศที่สอนให้รู้ โดยเฉพาะการทำ Network Marketing ที่จะเข้ามาแทนที่ธุรกิจขายตรงระบบชั้นเดียวแบบออฟไลน์ ที่กำลังเป็นอุตสาหกรรม Sunset
เมื่อถามถึงธุรกิจออนไลน์ที่มาแรง กระทบต่อธุรกิจขายตรงหรือไม่ คุณนพบอกว่า เห็นเทรนด์มา 2-3 ปีแล้ว และคิดประเด็นนี้เหมือนกัน การทำตลาดออนไลน์ โฮมช้อปปิ้งในทีวีสามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง มีจุดแข็งเรื่องราคา ความสะดวก รวดเร็ว ซึ่งจุดนี้ยอมรับว่าสู้ไม่ได้ แต่ซัคเซสมอร์มีจุดแข็งเรื่อง Value คนของเรา พร้อมเป็นที่ปรึกษาให้ในเรื่องต่างๆ “เป็น Value การสร้าง Community หรือชุมชน เหมือนเพื่อนที่คอยปลอบใจเมื่อมีปัญหา หรือสุขใจไปด้วยกัน ขณะที่การสั่งซื้อสินค้าทางทีวี-ออนไลน์ ไม่มีจุดนี้ เป็นการตั้งโปรแกรมให้หุ่นยนต์ตอบ ในแง่ความรู้สึก สัมผัสไม่ได้ เราจึงสร้างคุณค่าคนของเรา ต้องพัฒนาตนเองจนถึงระดับ Micro Influencer ให้ได้”
ถามถึงธุรกิจปีนี้ ซัคเซสมอร์ จะลุยธุรกิจใหม่ๆ หรือไม่ คุณนพกล่าวว่า ปีนี้ยังคงมุ่งทำตลาดทั้งในประเทศและส่งออก โดยตลาดส่งออกจะโฟกัส กัมพูชาและมาเลเซีย มากขึ้น เพราะกัมพูชาเป็นประเทศที่กำลังเติบโต มีกำลังซื้อ ขณะที่มาเลเซียถือเป็นตลาดใหญ่ของบริษัท และกำลังทดลองตลาดอินเดีย มีการทำข้อตกลงตัวแทนที่อินเดียแล้ว 1 ราย มีผลตอบรับดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำว่านห่างจระเข้ (S Vera Plus) รวมถึงลงทุนด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นอย่างเต็มที่ ถือเป็นอาวุธหลักในการทำตลาดโดยการอัพเกรดระบบต่างๆ เพื่อการบริการด้านออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้น และยังเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมโปรดักส์ ปีนี้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับกัญชงจะได้เห็นเมื่อ อย.มีความชัดเจนและอนุญาตแล้ว กลุ่มแรกคือกลุ่มสกินแคร์ ทั้งเดย์ครีม ไนท์ครีม และเซรั่ม และชาสมุนไพรที่ช่วยเรื่องการนอน วางเซกเมนต์ชัดเจนคือกลุ่ม Silver Age อายุ 55 บวก รองรับสังคมสูงวัยที่ประเทศไทยใกล้เข้ามาแล้ว
“ด้วยโครงสร้างประชากรไทยส่วนมากเริ่มเข้าสู่สังคมสูงวัย บวกกับ Positioning ของบริษัท คือพัฒนาสุขภาพของมนุษย์ กลุ่มนี้มีความต้องการดูแลเป็นพิเศษ เหมือนเครื่องจักรที่มีอายุการใช้งานมานาน จำเป็นต้องซ่อมบำรุง ผลิตภัณฑ์จึงออกแบบเพื่อเสริมสร้างและบำรุง เช่น โปรตีนจากพืช ช่วยเพิ่มโปรตีนสร้างกล้ามเนื้อ แต่ย่อยได้ง่าย, โปรไบโอติก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยดูดซึมลำไส้ของคนสูงวัย ผลิตภัณฑ์บำรุงสายตา ข้อเข่า และสมอง โดยจะฝึกนักธุรกิจของเราสามารถให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง จัดคอร์สความรู้ สร้างเป็น Community การใส่ใจดูแลตัวเอง หรือจะเป็นรูปแบบ Consult แบบตัวต่อตัว ขณะที่ผลิตภัณฑ์จะจัดเป็นเซตตามอำนาจการซื้อ ทั้งเซตขนาดย่อม กลาง และเป็นแพคเกจ”
คุณนพกล่าวสรุปตบท้ายว่า ธุรกิจตอนนี้จะคุยเรื่องแนวการวางแผนชีวิต เพราะธุรกิจเราคือเรื่องการเตรียมชีวิตให้มีความพร้อม สังคมทุกวันนี้ถ้าทำงานจนเกษียณ นึกภาพออกคน 95% ดูแลตัวเองยามเกษียณไม่ได้ ภารกิจเราคือต้องเพิ่มกลุ่มที่ดูแลตัวเองได้ ยิ่งปัจจุบันวิทยาการแพทย์ดีขึ้น คนอายุยืนยาว ถ้าเราเข้าถึงระบบการวางแผนได้ก่อน ชีวิตก็จะมีความพร้อมมากกว่า นี่คือ Purpose ของ SCM (ซัสเซสมอร์)
เกษมณี นันทรัตนพงศ์
