‘สมาคมภัตตาคาร’ ร่อนหนังสือถึง ‘ประยุทธ์’ วอนผ่อนปรนนั่งกินที่ร้านได้ หวั่นรายได้สูญ 1.4 พันล้านบาท/วัน

‘สมาคมภัตตาคาร’ ร่อนหนังสือถึง ‘ประยุทธ์’ วอนผ่อนปรนนั่งกินที่ร้านได้ หวั่นรายได้สูญ 1.4 พันล้านบาทต่อวัน

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือยื่นให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) เพื่อขอให้ทบทวนคำสั่ง ศบค. ที่ไม่อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารในพื้นที่ 6 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากสมาคมฯ ในฐานะผู้แทนกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ได้รับข้อร้องเรียนจากผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ยังได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิดระลอก 2 จนถึงปัจจุบัน ทำให้มีร้านอาหารจำนวนไม่น้อยต้องเลิกกิจการพร้อมกับหนี้สิน และอีกจำนวนมากกำลังเข้าสู่จุดวิกฤตของกิจการ ซึ่งอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการต้องปิดกิจการจากมาตรการครั้งนี้ โดยหากปล่อยให้ประกาศดังกล่าวกินเวลาเต็ม 14 วัน จะสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจประเทศตามมา ซึ่งมูลค่าความเสียหายของธุรกิจร้านอาหารโดยประมาณการจากคำสั่งล่าสุดนี้ อยู่ที่ 1,400 ล้านบาทต่อวัน รวมถึงธุรกิจร้านอาหารมีห่วงโซ่เชื่อมโยงต่อธุรกิจอื่นๆ มากมาย โดยเฉพาะภาคการเกษตรอันจะสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามมาได้

“สมาคมฯ และร้านอาหารทราบดีมาตลอดถึงความห่วงใยของรัฐบาล ที่มีมายังผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร และงตระหนักในความสำคัญของการมีส่วนร่วมแก้ไขวิกฤตระบาดโควิด จึงให้ความร่วมมือด้วยดีตลอดมา แม้ต้องแบกรับความเสียหายทางธุรกิจไว้โดยลำพังก็ตาม จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลจะพิจารณาผ่อนปรนมาตรการในส่วนของร้านอาหารและพิจารณามาตรการช่วยต่างๆ ตามที่ได้นำเสนอมานี้” นางฐนิวรรณ กล่าว

นางฐนิวรรณ กล่าวว่า สมาคมฯ ในฐานะผู้แทนผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร จึงมีข้อเรียกร้องยังนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณา 2 ข้อ ได้แก่ 1.อนุญาตให้ร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น. งดนั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน และขอให้พิจารณาอนุญาตตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 โดยเฉพาะร้านอาหารที่ได้รับตรามาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (เอสเอชเอ) ที่จัดทำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ที่มีอยู่กว่า 2,000 ราย จึงมั่นใจได้ว่า ร้านเหล่านี้มีมาตรฐานในการป้องกันการติดเชื้อจากทั้งลูกค้าและพนักงานในระดับสูง โดยเฉพาะการตรวจวัดอุณหภูมิ การทำความสะอาด การเว้นระยะทางสังคม หรือการจัดตั้งฉากกั้น รวมถึงปัจจุบันลูกค้าหรือผู้มาใช้บริการลดลงเกินกว่า 50% จึงสามารถจัดการเว้นระยะได้เกินกว่ามาตรฐานกำหนด เพราะร้านอาหารทุกร้านตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าที่มาใช้บริการ รวมถึงภาพลักษณ์ของร้านที่ต้องรักษาไว้ เพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุด และสามารถเปิดให้บริการให้นั่งรับประทานได้ หากเทียบกับสถานที่สาธารณะอีกหลายประเภท ที่ผู้คนจำนวนมากไปใช้บริการประจำวัน ซึ่งยังเห็นการไม่สามารถปฏิบัติมาตรการด้านสาธารณสุขอยู่

นางฐนิวรรณ กล่าวว่า ส่วนร้านอาหารที่ยังไม่ได้ตราสัญลักษณ์เอสเอชเอ ต้องถือโอกาสยกระดับร้านให้ได้มาตรฐานดังกล่าว เพื่อเตรียมพร้อมในการเปิดประเทศต่อไป โดยแบ่งเป็นร้านอาหารจานเดียวริมทางหรือร้านเล็กๆ ที่เป็นตึกแถว ขอให้พิจารณาอนุญาตกลับมาให้นั่งทานในร้านได้เช่นกันในวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 โดยมีข้อบังคับให้ร้านอาหารประเภทดังกล่าวดำเนินการ ได้แก่ ลดที่ลงอย่างน้อย 50% ของที่นั่งเดิม มีการเว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะไม่ต่ำกว่า 1 เมตร ไม่อนุญาตให้ลูกค้าที่ไม่ได้มาด้วยกันนั่งรวมโต๊ะเดียวกันเด็ดขาด ปฏิบัติตามมาตรฐานของสาธารณสุขก่อนเข้าร้านอย่างเคร่งครัด ซึ่งหากตรวจพบว่าไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้ได้ ท้องถิ่นและสาธารณสุข มีสิทธิใช้อำนาจในการตักเตือนแก้ไขทันทีในครั้งที่ 1 หากยังไม่สามารถปฏิบัติตามได้อีก สามารถใช้อำนาจในการสั่งปิดต่ออีก 7 วัน ตามคำสั่งของ ศบค. ได้ทันที สำหรับร้านอาหารประเภทปิ้งย่าง ชาบู บุฟเฟ่ต์ ไม่อนุญาตในนั่งโต๊ะเดียวกันเกิน 4 คน และต้องเว้นระยะห่างโต๊ะไม่ต่ำกว่า 2 เมตร หรือ 1 เมตร และต้องมีฉากกั้น รวมทั้งไม่อนุญาตให้ตักอาหารบุฟเฟ่ต์เอง หากไม่มีมาตรการดูแลป้องกันอย่างถูกวิธี อาทิ ลูกค้าต้องใส่หน้ากากอนามัยปิดปากปิดจมูกทุกครั้งที่ไปรับอาหาร หรือตักอาหาร และร้านต้องให้ลูกค้าใส่ถุงมือพลาสติกส่วนตัวด้วยทุกครั้ง รวมทั้งจำกัดจำนวนคนในการเดินตักอาหารให้เหมาะสมด้วย

Advertisement

นางฐนิวรรณ กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอที่ 2 เป็นมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่ถูกกระทบจากโควิดตั้งแต่รอบแรกจนมาถึงปัจจุบัน เนื่องจากผู้ประกอบการร้านอาหารส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ด้วยมีข้อกำหนด หลักเกณฑ์มากมายไม่สอดคล้องต่อสภาพความจริงของการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องประสบกับปัญหาด้านการเงินอย่างมาก จึงขอพิจารณาเยียวยา ได้แก่ รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาค่าจ้าง เงินเดือน 50% งดการจัดเก็บภาษีในรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปีที่ผ่านมา ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ผ่อนผันการชำระดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน และพักการชำระเงินต้นเป็นเวลา 1 ปี ขอความกรุณารัฐบาลโดย ศบค.ประสานเจ้าของห้างสรรพสินค้าลดค่าเช่าอย่างน้อย 50% โดยเจ้าของพื้นที่ที่ให้ส่วนลดสามารถนำไปลดหย่อนภาษีจากรัฐบาลในรอบบัญชีถัดไป ซึ่งเป็นการช่วยประคับประคองร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบมาตลอดทั้งปี รวมถึงการช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้เพิ่มขึ้น เนื่องตากธนาคารส่วนใหญ่มักมีทัศนคติว่า ร้านอาหารเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยง ทั้งที่ความเสี่ยงนั้นมีเฉพาะในช่วงเกิดโควิดแบบนี้ สะท้อนได้จากธุรกิจร้านอาหารในอดีตมีความมั่นคงมาก เพราะเป็นธุรกิจที่มีเงินสดหมุนเวียนทุกวัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image