โรงแรมส่อปิดกิจการ 80% หลังโควิดรอบ 3 สาหัส รัฐห้ามนั่งกินที่ร้าน-งดออกนอกบ้าน 14 วัน

โรงแรมส่อปิดกิจการ 80% หลังโควิดรอบ 3 สาหัส รัฐห้ามนั่งกินที่ร้าน-งดออกนอกบ้าน 14 วัน

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า ผลกระทบที่เกิดจากการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ที่ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้วนั้น ขณะนี้รัฐบาลได้ประกาศงดไม่ให้นั่งรับประทานอาหารที่ร้าน สามารถซื้อกลับบ้านได้เท่านั้น รวมถึฃขอความร่วมมือให้งดเดินทางออกนอกเคหะสถาน และปิดสถานที่บริการอีกหลายธุรกิจ ทำให้บรรยากาศไม่สดใสกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากมาตรการควบคุมการระบาดของรัฐบาลในขณะนี้ แม้ไม่ได้ประกาศใช้ล็อกดาวน์แบบเต็มรูปแบบ แต่ภาวะในตอนนี้ก็ถือเป็นการใช้มาตรการกึ่งล็อกดาวน์อยู่แล้ว โดยแม้ในช่วงเดือนเมษายน เป็นต้นไป จะถือเป็นฤดูที่เกิดการท่องเที่ยวน้อยสุด (โลว์ซีซั่น) แต่สถานการณ์ในตอนนี้เทียบกับโลว์ซีซั่นของภาวะปกติไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะที่ผ่านมาแม้จะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น แต่ยังเห็นคนออกเดินทางท่องเที่ยงมากกว่าปัจจุบันหลายเท่าตัว โดยสมาคมฯ ได้หารือกับสมาชิกภายในอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า โควิดระลอก 3 ทำให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยลดลงเหลือ 5% เทียบกับเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา อยู่ที่ 30% โดยโรงแรมกว่า 80% ของสมาชิกสมาคมฯ อาจงดให้บริการชั่วคราวไปจนถึงเดือนตุลาคมนี้ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง หรือรอถึงตอนที่รัฐบาลสามารถกระจายฉีดวัคซีนต้านไวรัสให้กับประชาชนในประเทศ จนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นได้

“พอรัฐบาลประกาศห้ามไม่ให้นั่งรับประทานอาหารที่ร้าน และซื้อกลับบ้านได้ถึง 21.00 น.เท่านั้น เป็นเวลา 14 วัน ผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมคือ ห้องอาหารของโรงแรมก็ต้องปิดลงด้วย เนื่องจากไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้เช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาห้องอาหารของหลายโรงแรมไม่ได้มียอดขายดีมากนักอยู่แล้ว นับตั้งแต่การระบาดโควิดรอบแรกจนถึงปัจจุบัน แต่ลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรมยังสามารถซื้ออาหารจากนอกโรงแรม หรือสั่งจากบริหารของโรงแรมที่อาจยังเปิดครัวอยู่ แต่จำกัดเพียงการซื้อกลับบ้านเท่านั้น นำมารับประทานภายในห้องพักได้ ซึ่งโรงแรมต้องพยายามจัดเตรียมและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เพราะหากไม่อนุญาตให้นำมาทานในห้องพัก ก็ไม่แน่ใจว่าลูกค้าของโรงแรมจะสามารถไปทานอาหารที่ใดได้อีก เพราะขณะนี้รัฐไม่อนุญาตให้นั่งทานที่ร้านอาหารทั่วไปแล้ว” นางมาริสา กล่าว

นางมาริสา กล่าวว่า การระบาดโควิดระลอก 3 ถือว่าส่งผลกระทบต่อโรงแรมอย่างหนัก ซ้ำเติมสถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้ว สมาคมฯ ได้เตรียมสำรวจลมหายใจของโรงแรมอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรม เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพราะมีสัญญานการท่องเที่ยวที่เชื่อว่าจะกลับมาได้อีกครั้ง แต่ขณะนี้ได้คาดการณ์ใหม่ว่า การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะกลับมาชัดเจน และเข้าสู่สภาวะปกติประมาณปี 2566 โดยกลุ่มโรงแรมหรู ในกลุ่มลักชัวรี่จะกลับมาเร็วกว่าอุตสาหกรรมรวม คือปี 2565 แต่หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมการระบาดของระลอก 3 ได้ โอกาสที่โรงแรมจะฟื้นคืนชีพได้คงยาก และยืดเวลาออกไปอีก

นางมาริสา กล่าวว่า สมาคมฯ ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือ ได้แก่ 1. สนับสนุนค่าจ้างงานเดิม เพื่อไม่ให้มีการลดพนักงาน หรือเลิกจ้างซ้ำเติมเศรษฐกิจ 2.การพักชำระหนี้เงินต้นหรือดอกเบี้ย และ 3.มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยกลุ่มที่พึ่งพาเงินกู้ยืมต้องการให้ภาครัฐพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยมากสุด และกลุ่มที่มีเงินทุนหนา มีบริษัทแม่คอยดูแลเรื่องของสภาพคล่องต้องการช่วยในเรื่องของการจ้างงาน และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเน้นย้ำว่า สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด คือ การจัดหาวัคซีนต้านไวรัสนำเข้ามาและฉีดให้กับประชาชนเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะวัคซีนคือความหวังเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวกลับมา และดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย และเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจอยู่รอดต่อไปได้ เพื่อให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมยังมีลมหายใจ และไม่เกิดการเลิกจ้างงานกันอีกระลอกใหญ่เหมือนที่ผ่านมา

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image