สรท. ปรับเป้าส่งออกไทยโต 6-7% จากศก.โลกฟื้น เสนอรัฐหาตู้สินค้า-หาแรงงานป้อนภาคอุตสาหกรรม

สรท. ปรับเป้าส่งออกไทยโต 6-7% จากศก.โลกฟื้น เสนอรัฐหาตู้สินค้า-หาแรงงานป้อนภาคอุตสาหกรรม

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.ได้ปรับคาดการณ์มูลค่าการส่งออกของไทยปี 2564 จะขยายตัวที่ 6-7% โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา และ จีน เป็นต้น และ ดัชนี PMI ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี มูลค่าการส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีการขยายตัวในระดับสูงโดยเฉพาะจากสินค้าอุตสาหกรรม ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันมีราคาสูงขึ้น และ ค่าเงินบาทที่ทรงตัวในกรอบการอ่อนค่า ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการส่งออก

ส่วนปัจจัยที่เสี่ยง ที่อาจทำให้มูลค่าการส่งออกมีอุปสรรคหรือไม่ถึง 7% ตามที่คาดการณ์ไว้คือ ปัญหาทาง โลจิสติกส์ หรือระบบการจัดส่งสินค้า เช่น การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ค่าระวางที่ทรงตัวในระดับสูง ความแออัดในท่าเรือแหลมฉบังที่ยังไม่ได้แก้ไข การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) ที่ยังไม่คลี่คลาย เนื่องด้วยมีการกลับมีการระบาดและการกลายพันธุ์ของไวรัสในประเทศคู่ค้าสำคัญหลายประเทศ อาทิ อินเดีย สหภาพยุโรป ที่ยังมีความรุนแรงซึ่งอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของประชาชน และแนวโน้มการฟื้นตัวและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

สถานการณ์วัตถุดิบขาดแคลน อาทิ สถานการณ์การขาดแคลนชิป ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ควบคุมการทำงานในส่วนต่างๆ ส่งผลโรงงานหรือบริษัทบางแห่งเริ่มประกาศชะลอการผลิต ราคาเหล็กในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น เนื่องด้วยการลดกำลังการผลิตราว 50% ของจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ การก่อสร้าง ยานยนต์ และ เรื่องการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 เป็นอุปสรรคต่อการเข้าออกของแรงงานต่างด้าว ทำให้บางกลุ่มอุตสาหรรมที่ต้องการแรงงานเพิ่ม ต้องชะลอการผลิตลง

Advertisement

ส่วนข้อเสนอของ สรท. ที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ ได้แก่ เร่งแก้ไขปัญหา ตู้สินค้าไม่เพียงพอต่อการส่งออก ซึ่งไทยจำเป็นต้องนำเข้าตู้เปล่าจำนวนประมาณ1.8 ล้านTEUs ให้เพียงพอรองรับการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย การแก้ไขปัญหาความแออัดในท่าเรือแหลมฉบัง ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือขนถ่ายสินค้าในท่าเทียบเรือให้เพียงพอต่อความต้องการ

และการเร่งจัดหาแรงงานป้อนเข้าสู่ระบบรองรับการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม โดยภาคการผลิตและอุตสาหกรรมต้องการแรงงานอีก 2-3 แสนล้านคน โดยรัฐอาจใช้รูปแบบ ขยายเวลาให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา พม่า ลาว) ในประเทศมากขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องผ่านระบบออนไลน์ มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้รับบัตรชมพูหรือใบอนุญาตทำงาน และเพิ่มรูปแบบการจ้างงานในลักษณะชั่วคราว (Part Time Job) ระยะเวลาการจ้างต้องไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง รวมทั้งการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินให้อยู่ระหว่าง 31-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image