คิดเห็นแชร์ : ‘Work From Home เต็มขั้น’ ความปกติใหม่ของใครหลายๆ คน

สวัสดีแฟนๆ คิด เห็น แชร์ ทุกท่านครับ Work From Home (WFH) หรือการทำงานจากที่บ้านนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป หลังจากเราผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กันมาตั้งแต่ปี 2563 จนปัจจุบันต้องช่วยกันรับมือเป็นระลอกที่ 3 แล้ว รัฐบาลจึงได้ขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานให้ปรับรูปแบบการทำงานจากที่บ้านอย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อลดความเสี่ยงและลดการแพร่ระบาดไม่ให้ทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก หากดูจากสถานการณ์ในระลอกนี้ อาจส่งผลให้เราต้องทำงานจากที่บ้านกันอีกพักใหญ่ ดังนั้น เราคงต้องหาแนวทางและวิธีการในการทำงานที่บ้านอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพเหมือนกับการมาทำงานที่ออฟฟิศกันครับ

ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีงานศึกษาวิจัยเผยแพร่ในเว็บไซต์ Harvard Business Review ได้ศึกษากรณีศึกษาการให้พนักงานทำงานที่บ้านของบริษัทด้านการท่องเที่ยวของประเทศจีน โดยทดลองให้พนักงานทำงานที่บ้านเป็นระยะเวลา 2 ปี พบว่าการทำงานที่บ้านช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ถึง 13% และช่วยลดอัตราการลาออกของพนักงานได้ถึง 50% ผลจากการศึกษานี้ สรุปได้ว่าการทำงานที่บ้านช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น พนักงานมีความสุขมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายขององค์กร และพนักงานลาออกน้อยลง

อย่างไรก็ดี จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้หลายองค์กรได้ปรับให้มีการทำงานที่บ้านมากขึ้น ซึ่งมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานที่บ้านและพบว่ายังมีจุดบกพร่องอยู่ ดังเช่น อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ให้เหตุผลว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทุกคนต้องอาศัยอยู่ภายในบ้าน หลายคนมีลูกหรือครอบครัวที่ต้องดูแล ต้องนั่งทำงานภายในห้องนอน ไม่มีห้องส่วนตัว หรือต้องแชร์ห้องกับคนอื่น ทำให้มีสิ่งที่รบกวนในการทำงานมากมาย นอกจากนี้ การไม่ได้ไปทำงานที่ออฟฟิศ ยังลดการมีปฏิสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมกับเพื่อนร่วมงาน ลดแรงกระตุ้นในการทำงานลดลง อีกทั้งการทำงานที่บ้านเป็นเวลานาน ยังทำให้เกิดความเหงาและความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุขภาพจิตแย่ลงอีกด้วย

จากประสบการณ์จริงในการทำงานที่บ้านของบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) องค์กรยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ที่มีนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้านแบบถาวร 100% ตั้งแต่ปี 2020 โดยอาศัยความชำนาญของบริษัทในด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนการทำงานที่บ้านได้เต็มรูปแบบ ซึ่งบริษัทไมโครซอฟท์พบว่า การปรับองค์กรเพื่อทำงานที่บ้าน จำเป็นต้องมี 2 องค์ประกอบหลัก คือ เครื่องมือทางด้านดิจิทัลต่างๆ และนโยบายองค์กรที่มีความยืดหยุ่นและต้องเน้นความสำคัญกับผลลัพธ์ของการทำงาน มากกว่ากระบวนการขั้นตอนในการทำงาน ซึ่งองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ ช่วยให้องค์กรสามารถปรับรูปแบบจากการทำงานที่ออฟฟิศเป็นการทำงานที่บ้านได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ

Advertisement

จะเห็นได้ว่าการทำงานที่บ้านให้มีประสิทธิภาพนั้น ประกอบด้วยหลายปัจจัย ถึงแม้ว่าการทำงานที่บ้านจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล ลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง แต่ก็เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคที่บ้าน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ หรือค่าอินเตอร์เน็ต ในขณะเดียวกัน การทำงานที่ออฟฟิศย่อมมีสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกและความพร้อมในการทำงานที่ดีกว่า รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานอย่างใกล้ชิด

ดังนั้น เมื่อเราจำเป็นต้องปรับตัวมาทำงานที่บ้าน เราควรเตรียมตัว เตรียมใจ และเตรียมความพร้อม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี จากการศึกษาจากประสบการณ์ทำงานที่บ้านจริงในหลายๆ แหล่ง พบว่ามี 5 ข้อแนะนำดีๆ ที่น่าจะนำมาประยุกต์ใช้และเหมาะสมกับบรรยากาศการทำงานแบบไทยๆ จึงอยากแชร์ให้ทุกท่านได้ลองนำไปทดลองปฏิบัติ เพื่อให้การทำงานที่บ้านเกิดประสิทธิภาพที่ดีและมีความสุข ดังนี้ครับ

1.วางแผนการทำงาน โดยมีปฏิทินการทำงาน กำหนดเป้าหมาย จัดทำเช็กลิสต์และบันทึกการทำงาน เพื่อควบคุมการทำงานของตนเอง เนื่องจากการทำงานที่บ้านจะไม่มีทั้งเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานคอยควบคุมหรือกระตุ้นในการทำงาน

Advertisement

2.เตรียมพร้อมสำหรับการติดต่อสื่อสาร โดยก่อนเริ่มงานและเลิกงาน ควรมีการประชุมกับหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงาน เพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล ติดตามงานผ่านระบบออนไลน์ เพราะการทำงานที่บ้านเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบเรื่องปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ความสัมพันธ์กับลูกค้า และบุคคลภายนอก ตลอดจนความผูกพันต่อองค์กร

3.สร้างบรรยากาศและจัดสภาพแวดล้อมในมุมที่ใช้ทำงานให้เหมาะสม โดยแยกพื้นที่ทำงานให้ชัดเจน เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ และแสงสว่าง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานที่มีประสิทธิภาพ

4.ตัดสิ่งเร้าที่คอยรบกวนสมาธิและเบี่ยงเบนความสนใจในระหว่างการทำงานออกไป โดยทำการตกลงกับคนในครอบครัวและแยกตัวออกมาทำงาน ปิดและยกเลิกสิ่งที่คาดว่าจะรบกวนการทำงาน เช่น การดูโทรทัศน์ ฟังเพลง เล่นเกม หรือแม้แต่งานบ้าน เป็นต้น เพื่อให้สามารถโฟกัสในเวลาทำงานได้ดียิ่งขึ้น

5.อาบน้ำและแต่งกายให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มงาน โดยกำหนดเวลาเริ่มงานและเลิกงานให้เหมือนเวลาทำงานที่ออฟฟิศ เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวและรับรู้สัญญาณว่าพร้อมสำหรับการทำงานแล้ว

สุดท้ายนี้ เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้เราจำเป็นต้องทำงานจากที่บ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจึงต้องปรับตัวให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าในช่วงแรกอาจจะยังดูติดขัดและยังไม่คุ้นชิน แต่สถานการณ์จะทำให้เราสามารถปรับตัวจนคุ้นเคยได้ และในที่สุด การทำงานที่บ้านก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งกิจกรรม บนความปกติใหม่ หรือ New Normal ของใครอีกหลายๆ คน ที่ต้องปรับตัวและเรียนรู้ไปด้วยกัน

ดร.ณัฐพล รังสิตพล
อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image