ปตท.รุดธุรกิจใหม่รัวๆ ลุยจุดชาร์จแท็กซี่อีวี-ปั้นธุรกิจใหม่คาเฟ่น้ำผลไม้-เค้ก

ปตท.รุดธุรกิจใหม่รัวๆ ลุยจุดชาร์จแท็กซี่อีวี-ปั้นธุรกิจใหม่คาเฟ่น้ำผลไม้-เค้ก เฮธุรกิจก๊าซฟื้นปริมาณใช้กลับมาใกล้เคียงปี62

นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ ปตท. เตรียมเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ มีแผนจะปรับปรุงสถานีให้บริการก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(ปั๊มเอ็นจีวี) โดยเพิ่มสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) เพื่อสนับสนุนการใช้งานรถอีวีในประเทศอีกทางหนึ่ง โดยจะเริ่มดำเนินในปั๊มเอ็นจีวี เขตพื้นที่ กทม. และปริมณฑล เพื่อให้ตอบโจทย์กับผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะกลุ่มแท็กซี่ ที่ปัจจุบันมีเอกชนหลายรายเดินหน้าผลิตรถแท็กซี่อีวี ทดแทนแท็กซี่ในปัจจุบัน ก่อนที่จะขยายเป็นพื้นที่ต่างจังหวัด ทั้งนี้จะรองรับหัวชาร์จทั้งระบบกระแสไฟฟ้าตรง (ซีจี) ที่เป็นการชาร์จแบบเร็ว(ฟาส ชาร์จ) และกระแสไฟฟ้าแบบสลับ (เอซี) ซึ่งปัจจุบันปั๊มเอ็นจีวีของปตท.มีอยู่ประมาณ 300-400 สาขาทั่วประเทศ เบื้องต้นจะเน้นลงทุนในปั๊มที่มีศักยภาพ ไม่ใช่การลงทุนทั้งหมด

“ปัจจุบันกำลังศึกษาความพร้อมเพื่อตัดสินใจว่าจะเป็นผู้ลงทุนด้วยตัวเอง หรือจะเปิดการประมูลเพื่อคัดเลือกผู้ลงทุนอื่นเข้ามาทำ พร้อมมองโอกาสที่จะใช้เป็นพื้นที่ในการต่อยอดไปยังธุรกิจใหม่ ซึ่งการลงทุนปั๊มชาร์จอีวีจะเป็นการเพิ่มในส่วนสเตชั่นอีวีเข้าไป ไม่ใช่การยกเลิกเอ็นจีวี โดยเงินลงทุนต่อหัวชาร์จในระบบซีดีจะอยู่ที่ 1-2 ล้านบาท ขณะที่เอซีจะถูกลงมากว่า 7-10 เท่าตัว โดยสาขาแรกที่จะดำเนินการ คือสาขาถนนกำแพงเพชร 2 ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้”นายวุฒิกร กล่าว

Advertisement

นายวุฒิกร กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ปตท. เตรียมต่อยอดธุรกิจภายใต้แบรนด์สินค้าฮะรุมิกิ(Harumiki) สู่ร้านคาเฟ่ในรูปแบบใหม่ ให้บริการน้ำผลไม้และขนมเบเกอรี่ และผลิตภัณฑ์อื่น อาทิ ครีมทามือ และสเปร์ยแอลกอฮอล์ โดยผลิตภัณฑ์ของร้านเป็นการต่อยอดจากโครงการวิจัยการใช้ประโยชน์จากพลังงานความเย็นเหลือทิ้งจากก๊าซธรรมชาติเหลวในการปลูกพืชเมืองหนาว โดยโรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง ซึ่งปัจจุบันสามารถนำผลไม้ อาทิ สตรอเบอร์รี่ และผลไม้เมืองหนาวอื่น มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้นอกเหนือจากการขายเป็นผลสด โดยร้านคาเฟ่ในรูปแบบใหม่จะนำร่องในพื้นที่ ปตท. สำนักงานใหญ่ เริ่มกลางปีนี้ ก่อนที่จะขยายสาขาในพื้นที่อื่นเพิ่มเติม

นายวุฒิกร กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การใช้ก๊าซธรรมชาติของไทยช่วงไตรมาสแรกของปีนี้(มกราคา-มีนาคม) พบว่าขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 7-8% อยู่ที่ประมาณ 4,600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจที่เริ่มขยายตัว ก่อนจะประสบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จึงต้องติดตามสถานการณ์การใช้อีกครั้ง ขณะที่ตลอดปีนี้ คาดการณ์ปริมาณการใช้จะอยู่ที่ 4,700-4,800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ใกล้เคียงกับปี 2562

Advertisement

ทั้งนี้แผนการนำเข้าแอลเอ็นจีร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการหารือกันเพื่อกำหนดปริมาณ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ขณะที่ภาพรวมตลาดแอลเอ็นจีมีความต้องการใช้ปัจจุบันอยู่ที่ 6.5 ล้านตัน ขณะที่สัญญานำเข้าแอลเอ็นจีที่เป็นระยะยาว(ลอง เทอม) อยู่ที่ประมาณ 5.2 ล้านตัน และเป็นการซื้อจากตลาดจร(สปอต)อีก 4-5 แสนตัน ซึ่งจะเหลือความต้องการอีกประมาณ 5-8 แสนตัน โดยกรมเชื้อเพลิงและสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) จะต้องร่วมกันกำหนดตัวเลขร่วมกันอีกที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image