‘เอแอลที’ เผยรายได้ไตรมาส 1/64 โต 32% ดันกำไรพุ่ง ปักธงเป็นผู้นำธุรกิจดิจิทัล-พลังงาน

‘เอแอลที’ เผยรายได้ไตรมาส 1/64 โต 32% ดันกำไรพุ่ง ปักธงเป็นผู้นำธุรกิจดิจิทัล-พลังงาน

นายสมบุญ เศรษฐ์สันติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการเงินและบัญชี บริษัทเอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 สิ้นสุด วันที่ 31 มี.ค. 2564 บริษัทมีรายได้รวม 213.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จาก 161.75 ล้านบาทเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2563 โดยรายได้ที่ อัตราการเติบโตสูงคือรายได้จาก การให้บริการโครงข่ายมียอดเพิ่มขึ้น 50.6% จาก 43.96 ล้านบาท เป็น 66.21ล้านบาท นับเป็นไตรมาสแรกที่รายได้จากการให้บริการโครงข่ายสูงกว่าจุดคุ้มทุน ถือเป็นสัญญาณบวกอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันรายได้งานก่อสร้างเพิ่มขึ้น 40.55 ล้านบาท หรือ 39.7%

“กำไรขั้นต้นของบริษัทเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่ขาดทุน 35.10 ล้านบาทในไตรมาส 1/63 เป็นกำไร 8.18 ล้านบาทในไตรมาส 1/64” นายสมบุญ กล่าว

นายสมบุญ กล่าวว่า แม้ผลการดำเนินการในไตรมาส1/64 เป็นยอดขาดทุนสุทธิ 32.09 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 188.17 ล้านบาทในไตรมาส 1/63 แต่หากไม่นับรวมรายการพิเศษคือเงินชดเชยค่าเสียหายจากกรณีพิพาท 369.62 ล้านบาทในรายได้อื่นของไตรมาส 1/63 ผลการดำเนินงานปกติก่อนภาษีของไตรมาส 1/63 จะเป็นขาดทุนประมาณ 119.80 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/64 ซึ่งมีขาดทุนก่อนภาษีจำนวน31.71 ล้านบาท จึงถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น 88 ล้านบาท หรือประมาณ 73% ​ขณะที่สิ้นไตรมาส 1/2564 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) จำนวน1,088 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดในมือจำนวน 268 ล้านบาท

นายสมบุญ กล่าวว่า กลยุทธการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและพลังงานทดแทน แก่ภาครัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มคุณภาพบริการ ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากขึ้น สำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม ในส่วนโครงข่ายไฟเบอร์ใยแก้วนำแสง บริษัทได้ลงทุนวางโครงข่ายหลัก ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งประเทศแล้ว รวมถึงได้สร้างสถานีฐาน เพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายของผู้ประกอบการในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย สนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางโครงข่ายสื่อสารในอาเชียน (Asian Digital Hub)

Advertisement

“ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 มียอดการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในเมียนมาร์ ผลประกอบการของบริษัทย่อย คือ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เกทเวย์ จำกัด ที่เป็นผู้ให้บริการแบนด์วิดท์แก่ลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้าน มีรายได้สูงขึ้น” นายสมบุญ กล่าว

นายสมบุญ กล่าวว่า ด้านธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ บริษัทได้ให้บริการวางระบบและติดตั้งโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นโครงการนำร่องของประเทศ จากความสำเร็จของโครงการนี้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐจะขยายโครงการให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วทั้งประเทศ จึงถือเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง ส่วนธุรกิจเมืองอัจฉริยะ บริษัทได้มีการนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดินเพื่อให้เมืองมีความสวยงามและปลอดภัยติดตั้งเสาไฟอัจฉริยะ ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสังเกตการณ์เกี่ยวกับความเป็นอยู่และสุขอนามัยของประชาชน ทั้งในเรื่องมลพิษ และฝุ่นละออง การจราจร รวมถึงเป็นจุดชาร์จไฟสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และพัฒนาซอฟท์แวร์ต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสในการใช้ประโยชน์เพิ่มเติม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image