‘ดับบลิวเอชฯ’ โชว์รายได้ไตรมาส 1/64 โกย 1.4 พันลบ. ชี้ธุรกิจส่งสัญญาณบวก ครึ่งปีหลังฟื้นตัวแน่

‘ดับบลิวเอชฯ’ โชว์รายได้ไตรมาส 1/64 โกย 1.4 พันลบ. ชี้ธุรกิจส่งสัญญาณบวก ครึ่งปีหลังฟื้นตัวแน่

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร และกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,405.7 ล้านบาท และ 134.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.0% และ 35.7% ตามลำดับ โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ และกำไรสุทธิปกติทั้งสิ้น 1,454.3 บาท และ 183.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% และลดลง 12.8% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2563 สะท้อนผลการดำเนินงานที่ยังคงเติบโตของบริษัทฯ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลรวมสำหรับผลประกอบการปี 2563 ที่ 0.1002 บาทต่อหุ้น โดยเป็นเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นไปแล้วจำนวน 0.0367 บาทต่อหุ้น และเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มเติมอีก 0.0635 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นี้

นางสาวจรีพร กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ มีการเติบโตที่โดดเด่น เนื่องจากได้รับอานิสงค์เชิงบวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าแสดงความสนใจเช่าพื้นที่คลังสินค้า Built-to-Suit และ Warehouse Farm ของบริษัทฯ รวมกันแล้วมากกว่า 200,000 ตารางเมตร ในไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 277.1ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า โดยความต้องการเช่าที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ สามารถเซ็นสัญญาให้เช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงจำนวน 25,949 ตารางเมตรจากเป้าหมายรวมทั้งปี 50,000 ตารางเมตร รวมถึงทำให้อัตราการเช่าพื้นที่ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นไปแตะอยู่ที่ประมาณ 90% อีกด้วย โดยบริษัทฯ ยังคงเป้าหมายเพิ่มจำนวนพื้นที่โครงการใหม่สำหรับปี 2564 ไว้เท่ากับ 175,000 ตารางเมตร ตลอดจนตั้งเป้าหมายการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ ในปี 2564 เพิ่มเติมอีกประมาณ180,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4 นี้

”ปัจจุบับริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่เพิ่มเติมอีก 5 โครงการบนพื้นที่รวมกว่า 400,000 ตารางเมตรโดยบริษัทฯ มีความพร้อมในการพัฒนาคลังสินค้าอัจฉริยะ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการนำเสนอ Value-added Services ต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้เช่าสามารถใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การบริหารสินค้าคงเหลือ การจัดการเส้นทาง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และลดต้นทุนของผู้เช่าในระยะยาว และสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ในอนาคต” นางสาวจรีพร กล่าว

นางสาวจรีพร กล่าวว่า ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันลูกค้านิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศจีน ยังแสดงความสนใจซื้อที่ดินของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง และไม่ได้ชะลอการลงทุนแต่อย่างใด โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวมทั้งสิ้น 213 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายในประเทศไทย 188 ไร่ โดยการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินบางส่วนถูกเลื่อนออกไป เพระมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ ส่งผลทำให้บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรอโอน (Backlog) จำนวนมาก โดยบริษัทฯ คาดการณ์ว่า การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการผลิตและการลงทุนจากต่างประเทศจะเริ่มส่งสัญญาณที่ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ตามแผนการผลิตและกระจายวัคซีนของประเทศไทย และประเทศต่างๆ ทั่วโลก บริษัทฯ จึงคงเป้ายอดขายที่ดินในประเทศไทยสำหรับปี 2564 ไว้ที่จำนวน 725 ไร่ โดยในไตรมาส 1 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมรวม 154.1 ล้านบาชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่บริษัทฯ ก็มีรายได้ค่าสิทธิการผ่านทางจำนวน 125 ล้านบาทเข้ามาหนุนจึงทำให้รายได้รวมลดลงเพียง 37.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ ได้มีการประสานงานกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อสนับสนุนให้มีการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ มากยิ่งขึ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image