ผู้เขียน | ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร |
---|
คิดเห็น SHARE : จุดกำเนิดการพัฒนาโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแบบขั้นบันไดในแม่น้ำโขง สู่การต่อยอดการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานในประเทศไทย
บทความฉบับนี้ ผมอยากจะกล่าวถึงปูชนียบุคคลแห่งวงการไฟฟ้าไทย นั่นก็คือ ศ.ดร.บุญรอด บิณฑสันต์ อดีตเลขาธิการสำนักงานพลังงานแห่งชาติ หรือกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในปัจจุบัน ผู้ริเริ่มโครงการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง (ตอนล่าง) และสร้างความร่วมมือกับประเทศสมาชิกของลุ่มน้ำ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ทำให้เกิดการสำรวจเพื่อพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงหลายโครงการ รวมทั้งเป็นผู้ผลักดัน การพัฒนาเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงระหว่างลาวกับไทย เป็นครั้งแรก ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดความร่วมมือในการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างไทยและ สปป.ลาว และขยายสู่การค้าขายไฟฟ้าในอาเซียนในปัจจุบัน
โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแบบขั้นบันไดในแม่น้ำโขง เป็นโครงการที่ได้มีการศึกษาจาก พพ. เมื่อหลายปีก่อนเกี่ยวกับแนวทางในการที่จะบริหารจัดการน้ำจากลุ่มแม่น้ำโขงมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าให้กับประเทศไทยและ สปป.ลาว จวบจนมาถึงปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีมีการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย ด้านพลังงานก็เช่นกันที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับ Disruptive Technology จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีเพื่อรองรับแนวทางการผลิตไฟฟ้า…ทีนี้มาดูกันว่าจุดกำเนิดการพัฒนาโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแบบขั้นบันไดในแม่น้ำโขง สู่การต่อยอดการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานในประเทศไทย เป็นมายังไงมาดูกันครับ เริ่มแรกเลยก็คือ
ด้านความต้องการพลังงานไฟฟ้า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศไทย ได้คาดการณ์ไว้ว่าในปี 2549 มีความต้องการพลังงานไฟฟ้า 22,738 เมกะวัตต์ และอนาคตในปี 2579 ความต้องการพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเป็น 77,211 เมกะวัตต์ ทำให้จำเป็นต้องมีการพัฒนาโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทต่างๆ เพิ่มเติม ไฟฟ้าพลังน้ำซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนที่สะอาดเป็นโรงไฟฟ้าที่เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังนั้น การก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแบบขั้นบันไดในแม่น้ำโขงเป็นทางเลือกหนึ่งในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ทำให้มีการนำน้ำในแม่น้ำโขงที่มีปริมาณมากมาใช้ประโยชน์ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าและใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเลเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และสามารถลดการนำเข้าพลังงานเชื้อเพลิงจากต่างประเทศส่งเสริมเศรษฐกิจในภูมิภาคให้มีความเข้มแข็ง
แม่น้ำโขงมีกำเนิดจากที่ราบสูงทิเบต ครอบคลุมพื้นที่รับน้ำฝนรวม 795,000 ตร.ม.กม. มีปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรวม 475,000 ล้าน ลบ.ม. ไหลผ่านประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนเข้าอำเภอเชียงแสน ประเทศไทย มีปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยร้อยละ 18 ของปริมาณน้ำท่าทั้งหมด ลุ่มน้ำโขงตอนล่างมีพื้นที่รับน้ำฝน 606,500 ตร.กม. ครอบคลุมประเทศไทย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ในช่วงที่แม่น้ำโขงไหลผ่านประเทศไทยและ สปป.ลาว มีปริมาณน้ำท่าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 49 จากความต่างระดับน้ำของแม่น้ำโขง จากอำเภอเชียงแสนถึงปากแม่น้ำโขงประมาณ 400 เมตร และปริมาณน้ำที่มีปริมาณมากในแต่ละปี ทำให้เหมาะต่อการพัฒนาเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแบบขั้นบันไดในแม่น้ำโขง ซึ่งจะเป็นการพัฒนาที่มีผลกระทบต่อทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม และก่อประโยชน์
เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแบบขั้นบันไดในแม่น้ำโขง ที่มีความเป็นไปได้ในการพัฒนา 11 แห่ง ได้นำมาศึกษาในด้านวิศวกรรม สังคมสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจโดยวิเคราะห์ ระดับเก็บกักที่เหมาะสมของเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแต่ละแห่งที่มีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสิ่งแวดล้อมในเกณฑ์ที่ยอมรับได้รวมทั้งมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจคุ้มค่าในการลงทุนได้คัดเลือกที่ตั้งเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่มีความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม สังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ รวม 7 แห่ง ดังแสดงลักษณะโครงการในตาราง สรุปลักษณะโครงการได้ ดังนี้
ข้อคิดในบริบทปัจจุบัน : โครงการการพัฒนาในลุ่มแม่น้ำโขงมีประเด็นที่หลากหลายและมีข้อห่วงใยจากกลุ่มผู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากมายหลายประเด็น อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ต่อสู้ในแนวความคิดของการพัฒนาระหว่างสองค่ายยักษ์ใหญ่เช่น สหรัฐอเมริกา และจีน ทำให้กลายเป็นสมรภูมิทางการเมืองระหว่างประเทศขึ้นมาทันที แต่หากปล่อยเกียร์ว่างและไม่ทำอะไรเลยก็จะเป็นการเสียโอกาสในการพัฒนาและสร้างระบบเศรษฐกิจที่หลายหลายมากขึ้นในภูมิภาคนี้ ทั้งๆ ที่ทำได้ไม่ยากเช่น การสร้างระบบกักเก็บไฟฟ้าขนาดใหญ่ด้วยเทคโนโลยี Pump Storage Hydro ดังนั้นผมคิดว่าหากจะมีการพัฒนาโครงการในแม่น้ำโขง ควรจะมีการดำเนินการ ดังนี้
1) การร่วมมือในระหว่างรัฐบาลในการพัฒนาลุ่มน้ำโขงตอนล่าง โดยการจัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน และการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันในการจัดทำแผนพัฒนาร่วมกัน
2) ศึกษาความเหมาะสมและพัฒนาโครงการนำร่อง โดยเฉพาะในรูปแบบ Pump Storage เพื่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกันที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศในลุ่มน้ำโขงตอนล่างในด้านต่างๆ
3) การสนับสนุนภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในการพัฒนาโครงการ พร้อมผลักดันให้มีการออกแบบรายละเอียดและก่อสร้างโครงการนำร่อง เพื่อให้เป็นแบบในการพัฒนาโครงการต่อไป
4) การสนับสนุนและวางแผนให้เกิดการพัฒนาโครงการเขื่อนขั้นบันไดในแม่น้ำโขงให้เต็มศักยภาพ และมีการควบคุมดูแลแบบรวมศูนย์ดูแลทั้งลุ่มน้ำ
วันนี้ขอเสิร์ฟประมาณนี้ก่อนนะครับ…