‘พฤกษา’ ชี้ตลาดอสังหาฯ ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แม้โควิดระบาดใหม่ ยังเห็นแรงซื้อ ‘บ้านเดี่ยว’ 5-15 ล้านบาท

‘พฤกษา’ ชี้ตลาดอสังหาฯ ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แม้โควิดระบาดใหม่ ยังเห็นแรงซื้อ ‘บ้านเดี่ยว’ 5-15 ล้านบาท

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การระบาดโควิด-19 ระลอกแรก ปี 2563 แตกต่างจากการระบาดระลอก 3 ในขณะนี้ เนื่องจากในปีที่ผ่านมา ถือว่าผลกระทบจากโควิด ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ติดลบในรายไตรมาส และทั้งปี 2563 ติดลบกว่า 30% แต่ในปีนี้ ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯ กลับมาเติบโตได้ ส่วนไตรมาส 2/2564 ที่เกิดการระบาดโควิดขึ้น ยังเห็นยอดการค้นหาโครงการอสังหาฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้คนส่วนใหญ่ยังชะลอการเดินทางออกนอกบ้าน ทำให้ส่วนที่ถูกกระทบจริงๆ จะเป็นตัวเลขการเดินทางเข้ามาชมโครงการเสนอขายที่ปรับลดลง ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อที่ใช้เวลานานขึ้น โดยภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปี 2564 ตัวที่เป็นปัญหาหลักคือ กลุ่มอสังหาฯ ระดับล่าง มูลค่าต่ำกว่า 2 ล้านบาท หรือมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 10,000 บาท ถือว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ทั้งยังพบว่ากลุ่มอสังหาฯ ระดับบน ได้หยุดการซื้อขายลง ทำให้กลุ่มที่ยังพอไปได้ จะเป็นกลุ่มอสังหาฯ ระดับกลาง หรือมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 30,000-100,000 บาท โดยกลุ่มสินค้าที่ยังสามารถขายได้ดี แบ่งเป็นบ้านแถว (ทาวน์เฮาส์) ราคา 2-3 ล้านบาท บ้านเดี่ยวราคา 5-15 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มราคานี้ถือว่าขายออกได้ดีมากในภาวะปัจจุบัน ส่วนคอนโดมิเนียม จะเน้นเป็นคอนโพร้อมอยู่ ราคา 2-5 ล้านบาท เป็นกลุ่มซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (เรียลดีมานด์) จะมีความต้องการและขายออกได้ดีกว่าตลาดคอนโดในภาพรวม

จีดีพีปี 2564 จากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ 2% ปลายๆ แต่ขณะนี้คาดว่าจะโตได้เพียง 2% ต้นๆ เท่านั้น ซึ่งภาคอสังหาฯ ที่โตล้อไปกับจีดีพี คาดว่าทั้งปี 2564 ตลาดอสังหาฯ จะโตได้ประมาณ 9% แม้จะเป็นการโตจากฐานต่ำในปี 2563 ที่ติดลบกว่า 30% แต่ถือว่าตลาดอสังหาฯ สามารถผ่านจุดต่ำสุดได้แล้ว โดยปัญหาหลักของตลาดอสังหาฯ ในขณะนี้คือกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้กำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าระดับล่างหดหายไป และในแง่งานก่อสร้าง เกิดปัญหาในส่วนของแรงงานที่ลดน้อยลง แต่บริษัทฯ ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เพราะในด้านงานก่อสร้างของบริษัท สามารถปรับเปลี่ยนงานก่อสร้างในรูปแบบที่ใช้แรงงานคนน้อยอยู่แล้ว โดยหลังจากเกิดการพบคลัสเตอร์ติดเชื้โควิดใหม่ ในกลุ่มคนงานก่อสร้างนั้น ในส่วนของบริษัทมีการดูแลแรงงาน ทั้งแรงงานคนไทยและแรงงานต่างด้าว ได้แก่ การใช้มาตรการเชิงรุกในการตรวจแรงงานภายใต้การดูแล ว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดหรือไม่ และการเข้าทำงานในโครงการ จะมีขั้นตอนการตรวจความปลอดภัยเบื้องต้น อาทิ การวัดอุณหภูมิ ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และติดบัตรยืนยันตัวตน เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดในกลุ่มแรงงานของบริษัทได้ดีมากที่สุดนายปิยะกล่าว

นายปิยะกล่าวว่า ผลการเนินงานในไตรมาส 1/2564 บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 6,940 ล้านบาท เติบโต 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ทำรายได้ที่ 6,888 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 7% และมีกำไรสุทธิ 606 ล้านบาท โดยสัดส่วนของยอดขาย แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 51% บ้านเดี่ยว 29% คอนโดมิเนียม 20% รวมถึงมีโครงการที่เปิดตัวในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,915 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ยังคงแผนเปิดโครงการใหม่ตามเดิมที่ 29 โครงการ มูลค่ารวม 26,630 ล้านบาท โดยบริษัทได้ปรับรูปแบบธุรกิจ (บิซิเนสโมเดล) ใหม่ เน้นการพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในแต่ละระดับมากขึ้น ทำให้โครงการที่เปิดใหม่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อาทิ โครงการบ้านพฤกษา ลาดกระบังฉลองกรุง ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำอัตราการขาย ณสิ้นเดือนเมษายน ได้สูงถึง 83% บวกกับกลยุทธ์ด้านราคาและโปรโมชั่นที่จัดต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถลดสินค้าคงค้าง ลดลงไปได้ 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คงเหลือมูลค่า 11,731 ล้านบาท จึงยืนยันว่าทั้งปี 2564 ยังคงเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ระดับเดิม

นายปิยะกล่าวว่า ด้านแผนการดำเนินงานในช่วงปีที่เหลือ พฤกษาได้มีการศึกษาเทรนด์ของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและเร็วขึ้นกว่าที่เคย จึงเตรียมพร้อมจับ 3 แกนหลักของเทรนด์โลก ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในวันนี้และอนาคต ได้แก่ 1.เทรนด์การใส่ใจด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี 2.เทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป และ 3.เทรนด์รักษ์โลกและการสร้างความยั่งยืน เพราะพฤกษาเชื่อว่าการมีบ้านเป็นการลงทุนทั้งชีวิต ไม่ใช่แค่เพื่อการใช้ชีวิตในวันนี้ แต่ต้องถูกคิดเพื่อชีวิตในวันพรุ่งนี้ด้วย ซึ่งเป็นที่มาของทิศทางในการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไปของแบรนด์ ภายใต้แนวคิด พฤกษา ใส่ใจเพื่อทั้งชีวิต “Tomorrow. Reimagined.” ซึ่งถือเป็นการให้คำมั่นสัญญาว่าพฤกษาไม่หยุดที่จะคิดสร้างสรรค์ พัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของลูกค้าทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า

Advertisement

ด้านนายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุตโฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า โรงพยาบาลวิมุตได้เปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ดำเนินงานภายใต้แนวคิดอีกระดับของการรักษาด้วยความใส่ใจด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการรวมถึงกลุ่มแพทย์ที่เข้ามารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างคับคั่ง ซึ่งทางโรงพยาบาลวิมุตได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว โดยมีแผนดึงกลุ่มลูกค้าพฤกษาเข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลมากขึ้น ผ่านการมอบสิทธิพิเศษเฉพาะลูกบ้านในโครงการพฤกษา อาทิ ส่วนลดค่ายาและค่าห้อง ส่วนลดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ให้คำปรึกษาแพทย์ผ่านออนไลน์ (Telemedicine) บริการรถพยาบาลฉุกเฉินในระยะทางที่กำหนด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังได้จัดแพ็กเกจตรวจสุขภาพในราคาพิเศษเพียง 999 บาท สำหรับประชาชนทั่วไป ซึ่งมีหลายการตรวจที่หลากหลาย สามารถเลือกแพ็คเกจที่เหมาะกับความต้องการของตัวเอง โดยลูกค้าพฤกษาที่ต้องการรับสิทธิ์ และผู้สนใจแพกเกจตรวจสุขภาพ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม และลงทะเบียนผ่าน www.vimut.com หรือสอบถามโทร 0-2079-0000

ทั้งนี้ โรงพยาบาลวิมุตมีแผนระยะยาวที่ต้องการสร้าง Ecosystem หรือสภาพของการสร้างสังคมสุขภาพที่ดีของคนไทยโดยจะทำให้คนในชุมชนระแวกใกล้เคียงโรงพยาบาล และใกล้เคียงโครงการพฤกษา สามารถเข้าถึงศูนย์สุขภาพอาทิ คลินิก ศูนย์กายภาพ ศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care) ในโครงการพฤกษาได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ เพื่อมุ่งสร้างสรรค์และยกระดับชุมชนน่าอยู่ที่ให้ความใส่ใจในด้านสุขภาพพร้อมตอบสนองการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างครบวงจร โดยมีโรงพยาบาลวิมุต เป็นศูนย์กลางการรักษาระดับสูงและมีหน่วยบริการย่อยคือ ศูนย์สุขภาพ (Health Center) กระจายสู่ชุมชนต่างๆ เพื่อการเข้าถึงบริการที่ใกล้บ้านมากขึ้นด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image