‘ทรีนีตี้ วัฒนา’ อวดกำไรไตรมาส 1/64 พุ่ง 163% ได้แรงซื้อขายหุ้นคึกคัก ดันรายได้ทะยาน
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทย่อยในเครือของบริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ TNITY มีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1 ปี 2564 จำนวน 66.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163.19 % เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 105.56 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 245.37 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17,752% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1.39 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ จำนวน 135.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.49% เมื่อเปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่ทำได้ 124.09 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้จากนายหน้าค้าหลักทรัพย์ที่ทำได้ 89.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.47% รายได้จากดอกเบี้ย เงินให้กู้ยืมก็เพิ่มขึ้น 12.63% มาอยู่ที่ 26.39 ล้านบาท จาก 23.43 ล้านบาท เป็นผลจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นระหว่างไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา ส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมลดลงมาจาก 32.44 ล้านบาท เป็น 18.52 ล้านบาท ขณะที่บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรและผลตอบแทนจากเงินลงทุนรวม 68.67 ล้านบาท พลิกจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลขาดทุนและผลตอบแทนจากเงินลงทุนรวม 164.09 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากดัชนีดิ่งแรงกว่า 600 จุด จากผลกระทบโควิด–19 ในไตรมาสที่ 1/2563
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ผลดำเนินงานที่ปรับตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ดัชนีพุ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายทางการเงิน และอัดสภาพคล่องเข้าระบบกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้มีสภาพคล่องไหลเข้ามาลงทุนในตลาดทุนและสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ทั้งหุ้นและโภคภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้ดัชนีพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวขึ้นจากสิ้นปี 2563 ที่ 1449.35 จุด มาอยู่ที่ 1,587.21 จุด ณ สิ้นเดือนมีนาคม หรือเพิ่มขึ้น 9.51% และมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดรวมขึ้นมาอยู่ที่ 96,951 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.92% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 66,901 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนทั่วไปยังมีบทบาทสูงต่อการลงทุน โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 47.3% จาก 37.8% เมื่องวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่นักลงทุนกลุ่มอื่นๆ ลดลง โดยนักลงทุนต่างชาติ ลดลงมาอยู่ที่ 34.7% จาก 38.6% ขณะที่พอร์ตบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลดลงมาอยู่ที่ 10.3% จาก 11.4% และนักลงทุนสถาบัน ลดลงมาอยู่ที่ 7.7% จาก 12.2%
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ปี 2564 ยังคงมุ่งเน้นประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดำเนินธุรกิจโดยการกระจายรายได้ให้มีความหลากหลายไม่พึ่งพิงรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว สำหรับเป้าหมายในปีนี้มีดังนี้ ธุรกิจหลักทรัพย์ ตั้งเป้าสร้างส่วนแบ่งการตลาดให้อยู่ที่ระดับ 1.15% จากสิ้นปีก่อนที่ 1.05% ธุรกิจการจัดการกองทุนส่วนบุคคล ตั้งเป้ามีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เพิ่มเป็น 5 พันล้านบาท โดยที่จะมีการนำเสนอขายกองทุนที่ลงทุนในตราสารที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการลงทุนในต่างประเทศให้กับลูกค้าเพิ่มเติม ส่วนธุรกิจวาณิชธนกิจและที่ปรึกษาทางการเงิน ตั้งเป้านำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (IPO) ทั้ง SET และ MAI 7-9 บริษัท รวมถึงการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ตั้งเป้าเสนอขายหุ้นกู้เอกชนของธุรกิจสื่อสาร พลังงานทดแทนการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ 4-5 ดีล