‘สรรพากร’ ขยายเวลายกเว้นภาษีแวต นำเข้าสินค้าใช้รักษา-ป้องกันโควิด สำหรับการบริจาค 1 มี.ค.64-31 มี.ค.65

สรรพากร ขยายเวลา ยกเว้นภาษีแวต การนำเข้าสินค้าที่ใช้รักษา-วินิจฉัย-ป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับการบริจาค 1 มี.ค.64 -31 มี.ค.65

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่บริจาคเป็นสาธารณกุศล โดยยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) สำหรับการนำเข้าสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรค โควิด-19 ได้แก่ ยา เวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ต้าน โควิด-19 ที่บริจาคให้แก่สถานพยาบาลของทางราชการ หน่วยงานของรัฐ และองค์การหรือสถานสาธารณกุศล สำหรับการบริจาคตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564-31 มีนาคม 2565 ช่วยสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชน มีส่วนร่วมกับภาครัฐในการร่วมมือแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรได้เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….(การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้าน COVID – 19 สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศล) โดยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกัน โควิด-19 เช่น ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ เพื่อบริจาคให้แก่ สถานพยาบาลของทางราชการ หน่วยงานของรัฐ และองค์การหรือสถานสาธารณกุศลตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนด รวมทั้งยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาคดังกล่าว โดยต้องไม่นำต้นทุนของสินค้ามาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้ สำหรับการในช่วงเวลที่กำหนด และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพากรประกาศกำหนด

นายเอกนิติกล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายเวลาการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม การนำเข้ายาและเวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อการบริจาคเป็นสาธารณกุศล จากเดิมที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา กรมสรรพากรเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการร่วมมือแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะเป็นผลดีแก่สุขภาพของประชาชน ตลอดจนเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศ

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image