นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า จำนวนสถานีบริการก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2559 อยู่ที่ 2,079 แห่ง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2558 เพียง 36 แห่ง นับเป็นการเติบโตที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง คาดว่าในอนาคตจะปรับลดลงตามปริมาณการใช้ โดยเฉพาะภาคครัวเรือน ไลฟ์สไตล์ของคนไทยเปลี่ยนไปโดยเฉพาะแอลพีจีภาคครัวเรือนระยะหลังเติบโตลดต่ำลงเพราะนิยมซื้ออาหารทานเอง ประกอบกับมีการอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมมากขึ้นจึงต้องใช้ไมโครเวฟแทน ขณะทึ่ภาคขนส่งซึ่งมีแนวโน้มจะถูกแทนที่ด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยปัจจุบันภาคขนส่งหันไปใช้น้ำมันเพราะราคาถูก และอนาคตรัฐมีนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) คาดว่าภาคขนส่งจะใช้อีวีเช่นกัน ส่วนอุตสาหกรรมจะใช้ก๊าซธรรมชาติแทน
นายวิฑูรย์กล่าวว่า ล่าสุดกรมมีแนวคิดที่จะเสนอระดับนโยบายให้เก็บภาษีสรรพสามิตแอลพีจีภาคขนส่ง 3 บาทต่อลิตร เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำมันที่ปัจจุบันถูกเก็บภาษีเฉลี่ย 5-6 บาทต่อลิตร ขณะที่แอลพีจีถูกเก็บภาษีเพียง 2.17 บาทต่อลิตร โดยปัจจุบันราคาแอลพีจีภาคขนส่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12 บาทต่อลิตร ขณะที่ราคาน้ำมันเฉลี่ย 22-23 บาทต่อลิตร หากขึ้นภาษีแอลพีจีขนส่งราคาขายปลีกถูกกว่าน้ำมันอยู่ดี