จุรินทร์ ลุยแหลมฉบัง นำตรวจเรือสินค้าขนาดใหญ่ แก้ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน

จุรินทร์ ลุยแหลมฉบัง นำตรวจเรือสินค้าขนาดใหญ่ แก้ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน ช่วยส่งออกเพิ่มขึ้นกว่า 35,000 ล้านบาท ชี้ชัด งานเป็นรูปธรรมความร่วมมือ “พาณิชย์-ภาคเอกชน-กรมเจ้าท่า”

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตรวจเยี่ยมเรือสินค้า MSC Amsterdam ที่ ท่าเรือแหลมฉบัง อําเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

นายจุรินทร์กล่าวว่า สถานการการส่งออกของไทย โดยเฉพาะในปี 2564 ตัวขับเคลื่อนสำคัญคือการส่งออกและต้นปีนี้การส่งออกก็เป็นบวก เดือนมีนาคมเป็นบวกถึง 8.47% และเดือนเมษายนบวกถึง 13.09% และยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น การส่งออกเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การแก้ปัญหาการส่งออกจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ การส่งออกประกอบด้วยการขนสินค้าทางบก ทางอากาศและทางเรือ การขนส่งสินค้าทางเรือมีประเด็นปัญหาคือ ตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าเพื่อลงเรือส่งออกขาดแคลน

เนื่องจากก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 มีการส่งสินค้าไปสหรัฐและสหภาพยุโรปจำนวนมากแต่ส่งสินค้ากลับมาน้อย ตู้ไปค้างอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป แต่ประเทศจีนมีศักยภาพสามารถนำตู้ไปใช้ในการส่งออกได้มาก สำหรับประเทศไทยเมื่อตนได้ประชุม กรอ.พาณิชย์ การท่าเรือร่วมกับภาคเอกชนมาโดยใกล้ชิดได้ข้อสรุปว่า จากนี้ไปเราจะแก้ปัญหาโดยจะเปิดโอกาสให้เรือขนาดใหญ่เข้ามาแหลมฉบังให้เรือขนาด 300-400 เมตรเข้ามาเทียบท่าได้จะช่วยให้ เราสามารถไปปลายทางได้เลยช่วยลดต้นทุนสามารถขนตู้เปล่าและตู้ที่มีสินค้าเข้ามา จะมีตู้เปล่าที่ส่งสินค้าออกได้มากขึ้น หลังจากที่ตนเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้การท่าเรือแก้ประกาศใหม่อนุญาตให้เรือ 300-400 เมตรเข้าเทียบท่าได้ มีมาหลายลำแล้วตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 และ 17 เมษายน 2564, 20 เมษายน 2564 และวันที่ 5 พฤษภาคม เป็นลำใหญ่ขนาด 399 เมตร สามารถบรรทุกตู้เข้ามาได้ประมาณ 12,000 ตู้ และวันนี้เรือสินค้า MSC Amsterdam ขนาด 399 เมตรสามารถบรรทุกตู้เปล่าเข้ามาได้ประมาณ 4,000 ตู้ สามารถบรรจุสินค้าลงไปได้ประมาณ 80,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าสินค้าที่ส่งออกประมาณ 6,000 ล้านบาท และยังมีอีกสองลำที่จะเข้ามาวันที่ 2 มิถุนายน 395 เมตรและ 19 มิถุนายน 398 เมตร

Advertisement

รวมแล้วทั้งหมดจะเป็น 7 ลำ สามารถบรรทุกตู้เปล่าเข้ามาประมาณ 23,000 ตู้ สามารถขนสินค้าออกไปได้ประมาณ 458,000 ตันรวมมูลค่าให้การส่งออกเพิ่มขึ้นจากการได้ตู้เปล่าประมาณ 35,000 ล้านบาท คือผลที่เป็นรูปธรรมจากการร่วมกันแก้ปัญหาระหว่างกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชนและกรมเจ้าท่า ขณะนี้ตู้เริ่มเข้าสู่สภาวะสมดุลความต้องการใช้ตู้เปล่าเดือนหนึ่งประมาณ 128,000 ตู้ เรามีตู้ประมาณ 130,000 ตู้ เริ่มเข้าสู่สภาวะสมดุลแล้ว แต่ต้องติดตามสถานการณ์และกรมเจ้าท่าต้องอำนวยความสะดวกโดยเร็วที่สุด เปิดโอกาสให้เรือขนาดใหญ่เอาตู้เปล่าเข้ามาและเราส่งสินค้าออกไปได้มากขึ้นจะช่วยให้ตัวเลขส่งออกเป็นบวกได้ต่อและจะเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ต่อไป

“ผมเชื่อว่าศักยภาพการส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศยังมีเพิ่มขึ้น ภาคเอกชนสายการเดินเรือต้องเข้ามาช่วยในการจัดหาตู้และกรมเจ้าท่าต้องอนุญาตโดยเร็วในการดำเนินการ และได้มีประกาศใหม่ให้ใบอนุญาตสำหรับเรือขนตู้ขนาด 300-400 เมตรภายในเวลา 2 ปี แต่จะไปเจรจาว่าทำไมไม่เป็นตลอดไปเพราะการส่งออกยังเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญ หากจำเป็นต้องปรับปรุงร่องน้ำหรือปรับปรุงอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ก็จะต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อแลกกับตัวเลขการส่งออกที่นำรายได้เข้าประเทศ ผมเชื่อว่าคุ้มแน่นอน ” นายจุรินทร์กล่าว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image