คลังเผยสนช.เห็นชอบพิธีสารอนุวัตข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินอาเซียน

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2559 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบพิธีสารอนุวัตข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินฉบับที่ 7 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน รวมถึงตารางข้อผูกพันแนบท้ายพิธีสารแล้ว สำหรับการดำเนินการในลำดับต่อไปนั้น กระทรวงการต่างประเทศจะจัดทำสัตยาบันสารของพิธีสาร และส่งมอบให้สำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อให้พันธกรณีที่ระบุในพิธีสารรวมทั้งตารางข้อผูกพันมีผลผูกพันประเทศไทยต่อไป

นายกฤษฎากล่าวว่า สำหรับพิธีสารฉบับที่ 7 นี้มีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกับพิธีสารฉบับก่อนหน้า กล่าวคือ เพื่อมุ่งขยายความร่วมมือด้านการค้าบริการด้านการเงินระหว่างประเทศสมาชิก โดยลด และ/หรือ ยกเลิกข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าบริการด้านการเงินระหว่างสมาชิกอาเซียนให้มากกว่าข้อผูกพันภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของอาเซียนที่จะร่วมกันพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้แข็งแกร่งและส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยการเจรจาในรอบนี้ประเทศไทยได้เสนอข้อผูกพันเพิ่มขึ้นเฉพาะในสาขาประกันภัย เพื่อยกระดับข้อผูกพันของไทยในอาเซียนให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายไทยที่บังคับใช้ในปัจจุบัน กล่าวคือ ปรับปรุงการถือครองหุ้นของผู้มีสัญชาติอาเซียนและจำนวนกรรมการสัญชาติอาเซียนในบริษัทประกันชีวิตและประกันวินาศภัยที่จัดตั้งในประเทศไทย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายปัจจุบัน ได้แก่ พระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2558 และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2558 ที่ประกาศใช้และมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2558 ดังนั้น ข้อผูกพันตามพิธีสารฉบับที่ 7 ของไทยจึงไม่มีผลให้ต้องแก้ไขกฎหมายแต่อย่างใด

นายกฤษฎากล่าวว่า การผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินของประเทศไทยตามที่ระบุไว้ในพิธีสาร ฉบับที่ 7 นี้ นอกจากจะเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินการร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนแล้ว จะมีส่วนช่วยอย่างสำคัญให้เกิดการพัฒนาและส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ภาคการเงินของไทยในระยะยาว ด้วยการขยายโอกาสในการลงทุนของนักลงทุนสัญชาติอาเซียนในธุรกิจบริการด้านการเงินของไทย ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้เอกชนไทยสามารถขยายธุรกิจบริการด้านการเงินไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นได้สะดวกขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจไทยในสาขาอื่นๆ ที่ไปลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียน ตลอดจนส่งผลต่อการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในประชาคมอาเซียน

ทั้งนี้ อาเซียนได้เจรจาเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน และบรรลุข้อผูกพันเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินมาแล้ว 6 รอบ สำหรับการเจรจาในรอบที่ 7 นี้อาเซียนได้เริ่มกระบวนการเจรจามาตั้งแต่ปี 2557 จนได้ข้อยุติในปี 2559 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทั้ง 10 ประเทศได้ลงนามในพิธีสารอนุวัตข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 7 ครบถ้วนแล้ว เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2559 โดยแต่ละประเทศจะต้องดำเนินกระบวนการภายในเพื่อให้สามารถลงนามให้สัตยาบันหรือยอมรับพิธีสารดังกล่าวภายใน 180 วัน หรือภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2559 เพื่อให้พิธีสาร รวมทั้งตารางข้อผูกพันมีผลผูกพันในทางปฏิบัติต่อไป

 

ADVERTISMENT