นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีมีนักวิจัย เช่น ญี่ปุ่นได้ทำการวิจัยใบกระท่อม และนำไปยื่นจดสิทธิบัตรในสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและไทย ว่า ขอยืนยันว่าตอนนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญาไม่พบว่ามีนักวิจัยญี่ปุ่น ยื่นคำขอจดสิทธิบัตรสารสกัดใบกระท่อมในไทย ส่วนที่มีข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับสิทธิในพืชตัวนี้นั้น คงไม่เกิดขึ้น เนื่องจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมของไทย ไม่อนุญาตให้มีการจดสิทธิบัตรพืชหรือสารสกัดจากพืช ตามกฎหมายสิทธิบัตรไทยรับจดเฉพาะกรณีกระบวนการหรือวิธีการที่ใช้ในการสกัดที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่หรือต่อยอดไปจากวิธีการเดิมทั่วๆไปเท่านั้น ไม่รับจดสิทธิบัตรสารสกัดใหม่ที่เกิดขึ้น อีกทั้งไม่อนุญาตให้บุคคลใดถือสิทธิแต่เพียงผู้เดียวกับสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ กระท่อมเป็นพืชพื้นเมืองทั่วไปที่มีอยู่ตามธรรมชาติ จึงไม่ต้องกังวลว่าไทยจะรับจดสิทธิบัตรให้กับนักวิจัยทั้งไทยและต่างชาติ
” ไทยมีกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช คือ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดว่าใครจะเอาพันธุ์พืชไทยไปใช้ต้องขออนุญาตก่อน และต้องเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ ซึ่งสอดรับกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (ซีบีดี) ซึ่งไทยเป็นสมาชิกอยู่ หากบริษัทยาข้ามชาติ ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกซีบีดี และให้สัตยาบันอนุสัญญานี้แล้ว เช่น อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และญี่ปุ่น จะเอาใบกระท่อม ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของไทยไปพัฒนาต่อยอดต้องขออนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วต้องแบ่งปันผลประโยชน์ให้ไทยในฐานะสมาชิกซีบีดีเช่นกัน ทั้งนี้ อาจต้องมีการพิสูจน์ว่ากรณีที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นพืชพื้นเมืองของไทยเท่านั้นหรือไม่ ” นางอภิรดี กล่าว
นางอภิรดี กล่าวว่า กรณีที่มีเสนอว่าสมควรถอดใบกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อให้สามารถผลิตขายใไทย และส่งออกสร้างรายได้ นั้น คงต้องมีการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งต้องทำอย่างรอบคอบ พิจารณาเหตุผลประกอบ เช่น ประเด็นใบกระท่อมเป็นสมุนไพร มีฤทธิ์บวกมากกว่าลบ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนน่าเชื่อถือเพียงใด และบริษัทประเทศสมาชิกซีบีดี จะไม่สามารถเข้ามาตั้งฐานการผลิตยาที่สกัดจากใบกระท่อมในไทยหรือส่งออกมาไทยได้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะกระท่อมซึ่งใบมีสารเสพติดให้โทษถือว่าห้ามผลิต จำหน่ายในประเทศ และห้ามนำเข้าตั้งแต่ต้น
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมการรองรับการเจรจาจัดทำความตกลงระหว่างประเทศขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ด้านการคุ้มครองทรัพยากรพันธุกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการแสดงออกทางวัฒนธรรมดั้งเดิม โดยไทยร่วมกับประเทศกำลังพัฒนาอยู่ระหว่างผลักดันให้มีการกำหนดเงื่อนไขการบอกแหล่งที่มา ขออนุญาตก่อนใช้ และแบ่งปันผลประโยชน์กับประเทศหรือชุมชนเจ้าของทรัพยากรพันธุกรรม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังจัดทำฐานข้อมูลพืชสมุนไพร ทรัพยากรพันธุกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถใช้เป็นแหล่งข้อมูลเพื่อติดตาม ตรวจสอบ และบังคับใช้ ตามเงื่อนไขการขออนุญาตก่อนใช้ และแบ่งปันผลประโยชน์ให้ประเทศ/ชุมชน ภายใต้ระบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต