เอกชนท่องเที่ยวโวย!! มาตรการกระตุ้น-ช่วยเหลือจากรัฐ ‘ล่าช้า’ กว่าวิกฤตตลอด

เอกชนท่องเที่ยวชี้มาตรการกระตุ้น-ช่วยเหลือจากรัฐ ‘ล่าช้า’ กว่าวิกฤตตลอด ซ้ำเอื้อประโยชน์น้อย

นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ ผู้ช่วยประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวไทยในขณะนี้ บรรยากาศยังเงียบสงบอย่างต่อเนื่อง นับจากการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ที่ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ แม้จะมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายออกมา เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน ได้แก่ การเพิ่มวงเงินคนละครึ่ง เฟส 3 จำนวน 2 พันบาท เราชนะ 2 พันบาท และการเติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) 200 บาท ซึ่งส่วนนี้เป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือเยียวยากลุ่มคนฐานราก รวมถึงโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่ออกมาเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มผู้มีศักยภาพในการใช้จ่ายมากขึ้น หรือกลุ่มระดับกลางขึ้นไป โดยประเมินมาตรการที่ออกมาเบื้องต้น อาจช่วยดึงบรรยากาศการใช้จ่ายหรือกระตุ้นอะไรไม่ได้มากนักในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นภาวะวิกฤตที่ทำให้ความเชื่อมั่นหายไป คนสวนใหญ่ยังกังวลกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ที่ยังพบสูงอยู่ จึงพยายามไม่ออกจากบ้าน และเลี่ยงการเดินทาง การใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในโครงการดังกล่าวนั้น ถือว่าเห็นผลได้ดีในช่วงการออกโครงการในระยะแรกๆ เพราะตอนนั้นคนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น การระบาดโควิดสามารถคุมได้แล้ว การเดินทางฟื้นตัวกลับมา แต่ภาวะในปัจจุบันสวนทางกันมาก เพราะขณะนี้โควิดยังระบาดรุนแรงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพมหนคร ทำให้คนขาดความเชื่อมั่น และกลัวการเดินทางอยู่ จึงไม่ได้เอื้ออานิสงส์เชิงบวกให้กับภาคการท่องเที่ยวมากนัก หากเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ ที่คนเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ใช้จ่ายผ่านโครงการกระตุ้นของรัฐบาลมากกว่านี้

นายภูริวัจน์ กล่าวว่า ภาคท่องเที่ยวในตอนนี้ สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการและช่วยเหลือคือ ต้องนำวัคซีนเข้ามาให้มากที่สุด และกระจายฉีดให้ประชาชนเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นปัจจัยหลักที่จะดึงความเชื่อมั่นกลับมา ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ปกติมากขึ้น การเดินทางฟื้นตัว และการใช้จ่ายก็จะกลับมาตาม โดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ต้องยอมรับว่าชะลอตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 แม้จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้บ้าง แต่ก็เป็นการฟื้นตัวจากภาวะวิกฤต ไม่ใช่ภาวะปกติ รวมถึงการฟื้นตัวเป็นไปแบบขาดๆ หายๆ ไม่สามารถต่อเนื่องได้ เพราะเมื่อเกิดการระบาดกลับมา ก็ต้อหยุดการเดินทาง และการฟื้นตัวของธุรกิจก็หยุดลงไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวยังไม่ได้รับการดูแลเยียวยาจากรัฐบาล ทั้งที่ได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อนหน้า แม้จะมีมาตรการออกมาบ้าง แต่ก็เข้าถึงได้น้อยมาก บวกกับมาตรการที่ออกมานั้นเป็นมาตรการรวมๆ ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ทั้งที่เป็นธุรกิจที่มีความเฉพาะตัวสูงมาก ซึ่งเชื่อว่าหลังจากการระบาดโควิดจบลงแล้ว อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเป็นส่วนแรกที่ช่วยฟื้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้ ขึ้นอยู่กับว่า เมื่อถึงเวลานั้นจะเหลือผู้ประกอบการรอดมากหรือน้อยอย่างไร เพราะขณะนี้ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า บริษัทนำเที่ยวที่จดทะเบียรถูกต้องในระบบ เหลืออยู่ประมาณ 11,000 รายเท่านั้น จากจำนวนรวมกว่า 15,000 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนบริษัทที่ปิดตัวลงแน่นอนแล้ว 5% ส่วนบริษัทที่ปิดตัวแล้ว เป็นการปิดตัวเพื่อเปลี่ยนไปทำอย่างไรในภาวะวิกฤตช่วงนี้ แต่ยังรักษาการจดทะเบียนไว้อยู่ เชื่อว่ามีประมาณ 15-20% ที่ปิดตัวลงในรูปแบบดังกล่าว ซึ่งส่วนนี้ไม่นับผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียนอีกจำนวนมาก และคาดว่าประสบปัญหาต้องปิดตัวลงไม่แตกต่างกัน

“มาตรการที่รัฐบาลออกมามักจะล่าช้ากว่าสถานการณ์วิกฤตตลอด เนื่องจากความจริงควรออกมาตั้งนานแล้ว อาทิ โครงการกระตุ้นการใช้จ่ายเหล่านี้ ควรอัดมาตั้งแต่เกิดการระบาดเดือนเมษายน หรือเดือนพฤษภาคม ซ้ำยังมองว่าควรต่อเนื่องตั้งแต่วงเงินหมดในช่วงที่ผ่านมาด้วย เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายและมีเม็ดเงินหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ไม่แตกต่างจากมาตรการช่วยเหลือเยียวยาธุรกิจ ที่ออกมาค่อนข้างล่าช้ากว่าภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้น โดยผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้รับการดูแลเยียวยา จากผลกระทบโควิดที่ทำให้คนส่วนใหญ่กังวลและหยุดการเดินทาง ซึ่งการควบคุมการระบาดก็ต้องทำให้คนเดินทางน้อยลง เพื่อลดความเสี่ยง ส่วนนี้ผู้ประกอบการรับได้อยู่แล้ว แต่ที่อยากเห็นคือ การทำควบคู่ไปกับการคุมไวรัสระบาด คือการช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวยังยืนอยู่ไหว จึงอยากเห็นรัฐบาลส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวทั้งอุตสาหกรรม ตั้งแต่ทัวร์นำเที่ยว โรงแรม รถเช่า ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก โดยอาจไม่ต้องสนับสนุนเป็นเม็ดเงินเข้ามาอย่างเดียว แต่อยากได้การสนับสนุนที่ช่วยให้อาชีพกลับคืนมาเร็วที่สุด อาทิ หากสถานการณ์ดีขึ้น ให้ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ออกมาเที่ยวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะสามารถสั่งนโยบายลงไปได้อยู่แล้ว” นายภูริวัจน์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image