นักเศรษฐศาสตร์แนะรัฐใช้บทเรียนโควิด ดึงปชช.ยื่นภาษี ทำช่วยถูกจุด ไม่หว่านแห

นักเศรษฐศาสตร์แนะรัฐใช้บทเรียนโควิด รื้อฐานข้อมูลดึงปชช.ยื่นภาษี ทำช่วยถูกจุด ไม่หว่านแหเหมือนทุกวันนี้

 

นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยกับ “มติชน” ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เตรียมใช้ช่วงครึ่งหลังปี 2564 อาทิ คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ ว่า อย่างไรก็ตามในการใช้เงินของไทยเน้นเยียวยาเพื่อประทังชีวิต แต่อาจไม่มองเรื่องการจ่ายเงินเพื่อรักษาการจ้างงาน ตรงนี้รัฐบาลไม่ได้ทำ ซึ่งประเด็นนี้อาจเกิด”แผลเป็น”กับเศรษฐกิจไทยได้ ขณะที่สหรัฐฯ เมื่อมีคนตกงานจะให้เงินช่วยเหลือ ขณะที่ยุโรปจะเน้นคงการจ้างงานไว้ ทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ และยุโรป จึงเพิ่มขึ้นมาก การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะของไทยจึงไม่ผิดปกติ

ปัจจุบัน แนวทางการช่วยเหลือของไทย ปัจจุบันประชากร 68 ล้านคน ยื่นภาษี 11 ล้านคน แต่จ่ายจริง 4 ล้านคน รัฐไม่มีข้อมูลอีกกว่า 50 ล้านคน ไม่นับเด็ก จึงถือว่ามีข้อมูลน้อย และใช้ฐานข้อมูลนี้ในการแจกเงินมาตั้งแต่ปี 2563 ต่อเนื่องถึงปีนี้ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นคือรัฐควรรื้อฐานข้อมูลรายได้คนไทยใหม่ทั้งหมด รื้อทั้งระบบ เพื่อให้เงินที่ช่วยเหลือลงไปถึงประชาชนตรงเป้าหมายจริงๆ โดยเฉพาะผู้เสียภาษีที่ได้รับผลกระทบจากโควิดควรได้รับความช่วยเหลือโดยตรง แต่เพราะรัฐไม่บังคับให้ประชาชนทั้งประเทศยื่นภาษีไม่ว่าจะมีรายได้หรือไม่มี เช่นเดียวกับต่างประเทศที่ระบบภาษีดีจะให้ประชาชนยื่นภาษีทุกคน ซึ่งการยื่นภาษีถือเป็นหน้าที่

Advertisement

“ประเทศไทยคนจ่ายภาษีน้อยมาก แต่ทุกคนเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ ออกมาโวยวาย ตอนเกิดโควิด-19 ปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐไม่มีข้อมูล จึงต้องช่วยเหลือ โปรยเงินให้ทั้ง30-40ล้านคน ทั้งที่กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ยื่นภาษี จนกระทั่งถึงปีนี้ก็ยังไม่จัดการฐานข้อมูลดังกล่าว ลักษณะเหมือนกลับมายืนที่เดิม ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทั้งที่หลังการช่วยเหลือปีที่ผ่านมาจะดึงประชาชนมายื่นภาษี มาแสดงตัว แต่รัผบไม่ทำ พอวิกฤตรอบใหม่ก็ต้องใส่แบบหว่านเหมือนเดิม เมื่อเงินงบประมาณน้อยลง การแจกก็ลดลง ขณะที่ประชาชน 30-40 ล้านคน มีคนไม่ได้ลำบากจริงแต่ได้เงิน ถึงเวลาที่รัฐต้องมีข้อมูลมากขึ้นกว่านี้หรือไม่” นายบุรินทร์กล่าว

ทั้งนี้กลุ่มที่กระทบรุนแรง อาทิ ภาคท่องเที่ยว อาชีพอิสระ รัฐควรให้กลุ่มนี้ยื่นภาษี เพื่อให้ช่วยเหลือตรงจุด เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่เพราะข้อมูลไม่ชัดเจนจึงกลับมาที่เดิม อย่างมาตรการคนละครึ่งควรใช้โอกาสนี้ตรวจภาษี ทำไมรัฐต้องกลัวในการตรวจรายได้ประชาชนเพื่อให้ยื่นภาษี

ดังนั้นรัฐควรออกมาตรการว่า หากประชาชนอยากได้เงินช่วยเหลือต้องลงทะเบียนยื่นภาษี และประกาศเลยถ้าไม่ลงทะเบียนจะไม่ช่วยเหลือ อย่างน้อยเพื่อรู้อาชีพ ตอนนี้กลุ่มโรงแรม สปา นักร้อง ร้านกลางคืน กลุ่มนี้ขาดรายได้จริงๆ ทำไมไม่ช่วยเหลือตรงประเด็น ไม่ใช่หว่านแบบปัจจุบัน เพราะรัฐรู้อยู่แล้วว่ารัฐสั่งปิดอะไร ทำไมไม่เข้าไปช่วยเหลือให้เต็มที่ ส่วนกลุ่มที่ไม่เกี่ยวก็ไม่ต้องช่วย หรือช่วยลดลงมา ซึ่งรัฐชี้แจงว่าไม่มีข้อมูล ถ้าอยากได้ข้อมูลก็ให้ลงทะเบียน ส่วนกลุ่มไม่จดทะเบียนไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย ก็ไม่ควรช่วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image