ผู้ค้าถนนข้าวสารร้อง ศบค. ขอผ่อนผันนั่งดริงก์ในร้าน หลังเป็นพื้นที่สีขาวฉีดวัคซีนครบทุกร้าน

ผู้ค้าถนนข้าวสารร้อง ศบค. ขอผ่อนผันนั่งดริงก์ในร้าน หลังเป็นพื้นที่สีขาวฉีดวัคซีนครบทุกร้าน

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยกับ ‘มติชน’ ถึงความคืบหน้าขอจัดสรรวัคซีนเพื่อฉีดให้ผู้ประกอบการและพนักงานในถนนข้าวสาร จำนวน 1,500 รายนั้น ล่าสุด ได้รับการตอบรับจากกรมควบคุมโรคแล้ว โดยให้ไปรับการฉีควัคซีนที่จุดให้บริการสถานีกลางบางซื่อ และบางส่วนได้รับโควต้าสิทธิประกันสังคม ก็จะทำให้จำนวนผู้รับการฉีดวัคซีนน้อยกว่า 1,500 คน คาดว่าจะได้รับการฉีดภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยได้ขอความร่วมมือกับทุกผู้ประกอบการให้ถ่ายภาพการรับการฉีดวัคซีน และหนังสือยืนยันการฉีดวัคซีนแล้วเพื่อทำการประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในโอกาสต่อไป เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการเที่ยวในถนนข้าวสารนั้นปลอดภัย พร้อมกับเข้มงวดการใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่สมาคมต้องการทำให้ถนนข้าวสารเป็นถนนสีขาวปลอดเชื้อโควิด

“ขั้นตอนจากนี้สมาคมจะดำเนินการควบคู่กัน ทั้งเร่งการประชาสัมพันธ์ให้คนไทยและนักท่องเที่ยวในต่างประเทศได้รับรู้ว่าถนนข้าวสารเป็นจุดกินดื่มและพักผ่อนได้ปลอดเชื้อ พอดีกับช่วงที่ภูเก็ตโมเดลเริ่ม 1 กรกฎาคม ถ้าได้ผลดีก็จะทำให้การเดินทางออกพื้นที่ และกรุงเทพฯก็เป็นเป้าหมายหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการมาพักผ่อน คนในประเทศเองก็นิยมมาทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้น สมาคมเตรียมทำหนังสือถึงศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และนายกรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนให้เปิดการจำหน่ายอาหารพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ที่ผู้ประกอบการได้ฉีดวัคซีน และมีมาตรการป้องกันเชื้อสูงสุด ถนนข้าวสารเราอยากเป็นแหล่งนำร่อง เพราะแม้ฉีดวัคซีนแล้วและเปิดให้บริการได้แต่รายได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30-40% ของรายได้รวม และเป็นตัวสร้างรายได้ที่เพียงพอต่อการจ่ายค่าเช่าพื้นที่และจ้างพนักงาน รัฐน่าจะทบทวนไปพร้อมกันว่าอะไรต้องผ่อนปรนได้แล้ว น่าจะประกาศได้ก่อนกรกฎาคม เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เตรียมตัวและผู้บริโภคจะได้รับรู้ การฟื้นธุรกิจจะได้ทำได้ทันทีด้วย ทันต่อเหตุการณ์ที่ต้องการให้ธุรกิจได้เริ่มทันทีหลังฉีดวัคซีนในระดับหนึ่งแล้ว” นายสง่ากล่าว

นายสง่ากล่าวว่า ตอนนี้ผู้ประกอบการด้วยกันเองก็กำลังลุ้นเรื่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพราะมีข้อสังเกตหลายเรื่องที่ยังกังวล คือรัฐต้องเข้าใจว่าแรงงานภาคบริการในภูเก็ต จำนวนไม่น้อยไม่ใช่คนภูเก็ต จะเป็นแรงงานข้ามจังหวัด ดังนั้น รัฐต้องเข้าไปกำกับดูแล แม้บอกว่าคนภูเก็ตฉีดวัคซีนได้เกิน 70% แต่แรงงานภาคบริการต่างถิ่นที่ต้องเข้าไปภูเก็ตได้ฉีดหรือยัง และการเดินทางเข้าออกแต่ละวันจะไม่เกิดคลัสเตอร์หรือการระบาดรอบ 4 และตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่สอบถามมาผ่านถนนข้าวสาร สับสนเงื่อนไขสเตตควอรันทีน และขั้นตอนการกักตัว หรือเงื่อนไขอื่นๆ เป็นอย่างไร เรื่องนี้อยากให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้แจงบนเว็บไซต์ ททท.ในต่างแดนทันที และรัฐบาลต้องประกาศให้ชัดเจนว่าหลักเกณฑ์แต่ละจังหวัดในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต้องเหมือนกัน ไม่ควรปล่อยให้แต่ละจังหวัดตัดสินใจกันเอง เพราะทำให้การวางระบบการเดินทางต่างชาติและการจูงใจต่างชาติเข้ามาไม่ได้เต็มที่

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image