‘มีนาทรานสปอร์ต’ เล็งไอพีโอหุ้น ตุนเงินทุนขยายธุรกิจขนส่ง หลังเห็นรัฐเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานเพิ่ม

‘มีนาทรานสปอร์ต’ เล็งไอพีโอหุ้น ตุนเงินทุนขยายธุรกิจขนส่ง หลังเห็นรัฐเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานเพิ่ม

นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ มีนา (MENA) เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเมินภาพรวมธุรกิจขนส่ง ถือเป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนงานก่อสร้างโครงการต่างๆ ในประเทศไทยให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากหากขาดผู้ให้บริการด้านรถขนส่ง งานก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ก็อาจล่าช้า และไม่เป็นไปตามแผน ทำให้โลจิสติกส์ไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตก้าวหน้าในระยะยาว จากโครงการของรัฐบาลที่ทยอยเดินหน้าตามนโยบายที่วางไว้ แม้ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การระบาดโคโวิด-19 ส่งผลให้หลายโครงการต้องชะลอแผนไป ทำให้โครงการของภาคเอกชนได้ชะลอความต้องการลดลง แต่ยังมีโครงการจำนวนมากในส่วนของการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่ยังคงมีอยู่ จึงมองว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิดมากนัก โดยบริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (ไอพีโอ) จำนวนไม่เกิน 184 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ เงินทุนที่ได้จะนำไปใช้สำหรับการลงทุนโครงการในอนาคต อาทิ การต่อยอดธุรกิจหลักของบริษัทฯ ซึ่งมีนโยบายกำหนดอัตราผลตอบแทนภายในขั้นต่ำ (ไออาร์อาร์) เพื่อประโยชน์แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้น รวมทั้งนำไปจ่ายคืนหนี้สิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ

นางสุวรรณา กล่าวว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมา ปริมาณการขนส่งคอนกรีตของบริษัทฯ ลดลงจากปี 2562 ประมาณ 4.9% ทำให้แม้บริษัทฯ จะเป็นบริษัทขนส่งขนาดใหญ่ที่มีรถจำนวนมากถึงกว่า 500 คัน และมีพนักงานจัดส่งภายใต้การบริหารกว่า 500 คน เนื่องจากบริษัทฯ มีความเข้าใจในสถานการณ์นี้ และรับมือได้อย่างรวดร็ว จึงสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในระดับ 9-10% โดยในปี 2563 บริษัทฯ มีปริมาณการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จกว่า 1.64 ลูกบาศก์เมตรต่อปี คิดเป็น 9.2% ของยอดผลิตคอนกรีตทั้งประเทศ และมีปริมาณการให้บริการของรถเทรลเลอร์ 20,990 เที่ยวต่อปี ถือเป็นผู้ประกอบการขนส่งที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่มีรถผสมคอนกรีตรองรับความต้องการของลูกค้าในงานโครงการขนาดใหญ่ได้อันดับต้นๆ ของประเทศ

“กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ การลงทุนในรถขนส่งจะต้องมีการตกลงกับคู่ค้า ถึงแผนงานที่ค่อนข้างแน่นอนในระดับหนึ่งจึงจะลงทุน รวมถึงมีการวางแผนพัฒนาและรองรับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น อาทิ การขยายฐานลูกค้าผู้ใช้บริการรายใหม่ๆ การปรับตัวเพิ่มบริการให้ตอบสนองกับลูกค้า ความสามารถในการโยกย้ายรถในการให้บริการได้อย่างเต็มกำลัง รวมถึงการให้บริการอย่างมืออาชีพกับลูกค้าทุกราย ทำให้ถึงแม้ปริมาณงานในตลาดจะลดลงบ้างในบางช่วง แต่รถทุกคันยังสามารถทำรายได้ในเกณฑ์ที่เหมาะสมอยู่” นางสุวรรณา กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image