นายกสมาคมโฆษณาค้าน ‘บิ๊กตู่’ เปิดประเทศเร็วไปไหม ทั้งที่แผนวัคซีนยังสับสน

จอดป้ายประชาชื่น : เปิดประเทศรอดหรือร่วง ไทม์ไลน์เปิดประเทศต้อนรับ

นายกสมาคมโฆษณาค้าน ‘บิ๊กตู่’ เปิดประเทศเร็วไปไหม ทั้งที่แผนวัคซีนยังสับสน

นายรติ พันธุ์ทวี นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการประกาศเปิดประเทศให้ได้ภายใน 120 วันของนายกรัฐมนตรี นั้น การเปิดประเทศได้ทุกคนย่อมยินดี แต่ส่วนตัวยังมองว่าเร็วไปไหม เพราะที่ผ่านมาการสื่อสารจากภาครัฐต่อเรื่องวัคซีนค่อนข้างมีปัญหา จนเกิดความสับสนและตรึงเครียดต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และหลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศแล้ว ทางปฎิบัติจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องจับต้องได้จริงทั้งวันเวลาที่จะได้ฉีดวัคซีน และจะไม่เสี่ยงต่อการเปิดประเทศนั้นจะมีขั้นตอนหรือแนวทางปฎิบัติได้อย่างไร หรือหากเปิดแล้วเกิดการกลับมาระบาดของเชื้อไวรัสโควิดรอบ 4 หรือเกิดแหล่งระบาด(คลัสเตอร์)อีกจะทำอย่างไร รัฐจะเข้ามาดูแลช่วยเหลือเยียวยาได้ทันเหตุการณ์ไหม เพราะที่ผ่านมารัฐบาลถูกมองว่าขาดการสื่อสารถึงข้อมูลที่จริง และสับสนในหลายข้อมูล ดังนั้น รัฐบาลต้องตอบโจทย์สร้างความเชื่อมั่นเรื่องทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีน มีการปูพรมฉีดให้เห็นเป็นรูปธรรม และคุมไม่ให้เกิดความหย่อนยานต่อการดูแลป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 จนเกิดไฟลามทุ่งอย่างการระบาดรอบ 3

“ผมมองว่าจะเปิดใน 120 วัน หรือ เปิดในต้นปี 2565 ก็ไม่แตกต่างกัน เพราะแม้จะเปิดประเทศ แต่คงยังกังวลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน กิจกรรมยังไม่เต็มที่ และไม่รู้ว่าเปิดแล้วเสี่ยงแค่ไหน อารมณ์คนไทยตอนนี้สะสมความกังวลมานาน ก็ต้องใช้เวลา ดังนั้น ต้องไปเริ่มที่ให้คนได้มั่้นใจ เปิดช้าหน่อยแต่ปลอดภัยจริง ผมเชื่อว่าคนไทยรับได้ แม้เปิดประเทศก็ใช่ว่าคนต่างชาติจะแห่กันเดินทางเข้าประเทศพรวด เพราะประเทศต้นทางก็ต้องดูประเทศปลายทางที่จะเดินเข้าหรือเรารับเขามานั้นปลอดภัยปลอดเชื้อแท้จริง และยังต้องมีเรื่องวัคซีนพาสปอร์ตทต้องมีระบบที่เพียงพอ ” นายรติ กล่าว

นายรติ กล่าวต่อว่า แต่สิ่งที่ดีในขณะนี้ที่รัฐควรทำเลย คือ วางระเบียบและกติกาการใช้แหล่งธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยว ที่จะทำอย่างไรให้คงความสะอาดและสวยงานอย่างตอนนี้ หลังจากเกิดโควิดทำให้สถานที่ได้พักผ่อน สะอาดและสวยงาม เพราะเป็นสิ่งจูงใจประเทศไทยในอนาคต ส่วนการจับจ่ายในสอยก็ขึ้นกับความคลายกังวลและการพึ่งพาในประเทศน่าจะทำได้มากกว่าการพึ่งพาต่างชาติ ผมยังเชื่อว่ากว่ากิจกรรมจะกลับมาได้อีกครั้งและเริ่มใช้จ่ายก็ปลายไตรมาส4ปีนี้ เพราะดูจากแผนงานของธุรกิจต่อการใช้สื่อ แต่ก็อยากให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและผู้บริหารประเทศเพราะในสถานการณ์วิกฤตอย่างนี้การจัดการไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้คนไทยสาหัสที่สุดแล้ว ก็เริ่มการปรับตัวและอยู่ให้ได้ในภาวะสาหัส เพียงรัฐต้องให้ข้อมูลตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image