‘คลัง’ เผย 2 มาตรการ บรรเทาภาระหนี้ต่อเนื่อง มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้-ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 3

‘คลัง’ เผย 2 มาตรการบรรเทาภาระหนี้อย่างต่อเนื่อง มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้-ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 3

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยังคงมีความไม่แน่นอน และต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง การระบาดระลอกใหม่ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ทำให้รายได้ของประชาชนปรับลดลง ในขณะที่ภาระหนี้ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ดังนั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นและป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ในวงกว้าง ภาครัฐจึงได้ดำเนินมาตรการบรรเทาภาระหนี้สินมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่

งานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานศาลยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ร่วมกันจัดขึ้นพร้อมกับผู้ให้บริการทางการเงินหลายแห่ง เพื่อเป็นช่องทางช่วยให้ลูกหนี้ได้รับข้อเสนอที่ผ่อนปรนและตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น ลูกหนี้ทุกสถานะ รวมถึงลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ได้เริ่มบังคับหลักประกันแล้ว สามารถเข้าร่วมไกล่เกลี่ยปัญหาที่มีกับเจ้าหนี้ได้ ทั้งนี้ งานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ในครั้งนี้ครอบคลุมหนี้ 3 ประเภท ดังนี้

1.หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน มีผู้ให้บริการทางการเงินเข้าร่วมแล้วถึง 26 แห่ง โดยลูกหนี้สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2564

Advertisement

2.หนี้ที่ไม่มีหลักประกันที่ถูกโอนขายไปบริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) โดยมี บบส. เข้าร่วมแล้ว 4 แห่ง และลูกหนี้สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้-31 กรกฎาคม 2564

3.หนี้เช่าซื้อรถยนต์ มีผู้ให้บริการทางการเงินเข้าร่วมแล้วถึง 12 แห่ง โดยลูกหนี้สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้-31 กรกฎาคม 2564

Advertisement

มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 3 โดย ธปท.ร่วมกับผู้ให้บริการทางการเงิน ยกระดับมาตรการเดิมให้ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น มุ่งเน้นช่วยลดภาระหนี้ในระยะยาว มีทางเลือก มีความยืดหยุ่น และมีวิธีปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่งจะครอบคลุมสินเชื่อ 4 ประเภท ดังนี้

1) บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เน้นการบรรเทาภาระหนี้โดยขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้ยาวขึ้น กรณีเกินกว่า 48 งวด ให้ทบทวนอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าอัตราเพดาน (บัตรเครดิต 12% และสินเชื่อส่วนบุคคล 22%) ตั้งแต่งวดแรก ลดค่างวด และรวมหนี้กับสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยอื่น

2) สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีทางเลือกในการลดค่างวด หรือพักชำระค่างวด หรือรวมหนี้กับสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยอื่น โดยลูกหนี้จำนำทะเบียนรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงให้มีทางเลือกในการคืนรถ และหากมีภาระหนี้คงเหลือจากการขายประมูล ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถช่วยลดภาระหนี้ให้สอดคล้องกับสถานะของลูกหนี้

3) เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีทางเลือกในการลดค่างวดหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ โดยลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ให้มีทางเลือกในการพักชำระค่างวดหรือการคืนรถ รวมถึงให้คุมอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา (Effective Interest Rate : EIR) ไม่ให้สูงขึ้นกว่าอัตราดอกเบี้ยเดิม นอกจากนี้ ให้รวมหนี้กับสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยอื่น และหากลูกหนี้สามารถชำระค่าเช่าซื้อคืนทั้งหมด ให้ลดดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า 50%

4) สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน เพิ่มทางเลือกด้วยการพักเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน และให้ลูกหนี้สามารถทยอยชำระคืนเป็นขั้นบันไดตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้

ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบสามารถแจ้งความประสงค์รับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2564 ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของผู้ให้บริการทางการเงิน

นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีนโยบายและโครงการอื่นๆ อาทิ โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน ทางด่วนแก้หนี้ คลินิกแก้หนี้ รวมถึงนโยบายสถาบันการเงินเฉพาะกิจขยายการพักชำระเงินต้นให้แก่ลูกหนี้ตามความสมัครใจออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และนโยบายขยายมาตรการชะลอการชำระหนี้ออกไปจนถึงสิ้นปี 2564 สำหรับลูกหนี้ที่เข้าเงื่อนไข ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ได้โดยตรง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image