DITP โชว์ผลสำเร็จจับคู่เจรจาดิจิทัลคอนเทนต์ไทย สร้างมูลค่า 3 ตลาด ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้-ไต้หวัน 430 ล้าน

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จากนโยบายสร้างไทยเป็นฮับของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) วางแผนผลักดันอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้จัดการเจรจาการค้างาน Asian Digital Content Virtual Business Matching เมื่อวันที่ 16-18 มิถุนายนที่ผ่านมา ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ One-On-One Virtual Meeting โดยผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน จำนวน 31 ราย เข้าร่วมเจรจาธุรกิจออนไลน์กับผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนท์ไทย จำนวน 20 ราย รวมจำนวน 216 นัดหมาย สร้างมูลค่าเจรจาการค้าได้ตามเป้าหมายรวม 430.1 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าการเจรจาการค้าด้านคาแร็กเตอร์ 86.6 ล้านบาท ซึ่งประเภทของการบริการที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ Character Licensing and Merchandising ในขณะที่มูลค่าการเจรจาการค้าด้านแอนิเมชั่น 343.5 ล้านบาท โดยประเภทของการบริการที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ VFX and Computer Graphic Service

“ตัวอย่างผู้ประกอบการด้านดิจิทัลคอนเทนต์ที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศที่ให้ความสนใจผลงานของบริษัทไทย อาทิ บริษัท King Records บริษัทด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์ยักษ์ใหญ่ครบวงจรจากประเทศญี่ปุ่น เจ้าของวง AKB48 และ การ์ตูนแอนิเมะ Evangelion บริษัท PlatinumGames จากญี่ปุ่นผู้ผลิตและเผยแพร่เกมแอ๊กชั่น (Console/PC) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น เกม BAYONETTA, NieR : Automata และบริษัท Next Animation Studio ซึ่งเป็นบริษัทแอนิเมชั่นในไต้หวันที่เป็นบริษัทในเครือของบริษัท Apple Digital News ซึ่งเป็นช่องข่าวโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงในประเทศฮ่องกง เป็นต้น” นายสมเด็จกล่าว

นายกฤษณ์ ณ ลำเลียง นายกสมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT) กล่าวว่า งาน Asian Digital Content Virtual Business Matching เป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเชิงรุกให้กับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทยในช่วงวิกฤต Covid-19 ที่ผู้ประกอบการไม่สามารถเดินทางไปพบปะลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งการเจรจาธุรกิจในงานนี้ได้ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยในธุรกิจคาแรคเตอร์ได้พบปะลูกค้าต่างชาติใหม่ๆ จำนวนมากที่ให้ความสนใจคาแร็กเตอร์ไทย ส่งผลให้เกิดโอกาสในการต่อยอดทางด้านลิขสิทธิ์ในต่าง ประเทศมากยิ่งขึ้น”

นายนพ ธรรมวานิช นายกสมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) กล่าวว่า ในแง่อุตสาหกรรมแอนิเมชั่น ผลสำเร็จจากการเจรจาธุรกิจในโครงการนี้ได้สร้างความแตกต่างจากกิจกรรมเจรจาการค้าในงานอื่นๆ คือก่อให้เกิดการสร้างโอกาสในการต่อยอดทางด้าน Original IP ในหลายรูปแบบ ทั้งการซื้อขายลิขสิทธิ์ การร่วมทุน (Co-Production) ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญในอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นไทย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image