‘พิพัฒน์’ ชงภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เข้า ‘ครม.’ วันนี้ ‘ททท.’ เล็งจับคู่เมืองท่องเที่ยวระหว่างประเทศ

‘พิพัฒน์’ ชงภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เข้า ‘ครม.’ วันนี้ ‘ททท.’ เล็งจับคู่เมืองท่องเที่ยวระหว่างประเทศ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวจะเสนอแนวทางการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นำร่องจังหวัดภูเก็ต ผ่านการทำภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เฉพาะเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า เริ่มวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด ทางจังหวัดภูเก็ตได้เตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีประกาศการเปิดประเทศใน 120 วัน ทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวต้องหารือเพื่อเตรียมแผนการทำงานให้สอดคล้องกับประกาศของนายกฯ

นายพิพัฒน์กล่าวว่า เนื่องจากภายในเดือนตุลาคม 2564 ได้กำหนดเปิดพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเป็น 10 พื้นที่ รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ที่มีความพร้อมในการเปิดรับต่างชาติเพิ่มเติมอีก ภายใต้เงื่อนไขคือ ต้องมีการฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่ครบ 70% และผู้ประกอบการจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ 100% อาทิ โรงแรม ทัวร์นำเที่ยว ร้านอาหาร พนักงานบริการทั้งหมด เพราะถือเป็นด่านหน้าในการบริการนักท่องเที่ยว โดยกระทรวงการท่องเที่ยวได้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หารือกับ ศบค.ชุดเล็ก และผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด เพื่อจัดทำแผนการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเติมต่อไป

“การพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คลัสเตอร์ใหม่ในจังหวัดยะลา ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในจังหวัดภูเก็ตนั้น เบื้องต้นประเมินว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับกำหนดการเปิดภูเก็ตรับต่างชาติ เนื่องจากมีการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อที่เร่งดำเนินการอยู่แล้ว รวมถึงภูเก็ตมีการจัดทำเกณฑ์ในการรับมือการพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในระดับที่รับได้ไว้แล้ว

“หากพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ไม่เกินจำนวน 90 คนต่อสัปดาห์ ถือว่ารับได้และสามารถเปิดรับต่างชาติได้ตามแผน แต่หากพบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเกินที่กำหนดไว้ จะให้ ททท.ประสานกับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ว่าจะสามารถย้ายไปพำนักในพื้นที่นำร่องอื่นๆ แทน อาทิ เกาะสมุย ซึ่งจะต้องหารือถึงแนวทางการปฏิบัติร่วมกันอีกครั้ง” นายพิพัฒน์กล่าว

Advertisement

ทั้งนี้ ททท.ยังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการฮักไทย รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน กับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการเติบโตด้านเศรษฐกิจของประเทศ เริ่มจากโครงการต้นแบบฮักไทยฮักภูเก็ต ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยเปิดงานที่จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ มีนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเป็นประธาน รวมทั้งจัดโปรโมชั่นต่างๆ กระตุ้นการใช้จ่ายด้วย

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประเมินว่า ในช่วง 3 เดือน (กรกฎาคม-กันยายน) จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวภูเก็ต จำนวน 1 แสนคน สร้างรายได้ 8,900 ล้านบาท โดย รมว.การท่องเที่ยวได้มอบหมายให้ ททท.พิจารณาแนวทางการเชื่อมโยงพื้นที่ภูเก็ตและเกาะสมุย เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวภูเก็ตสามารถเดินทางข้ามจากฝั่งอันดามันไปยังอ่าวไทยได้ แทนที่จะต้องเที่ยวอยู่ในพื้นที่เดียวทั้ง 14 วัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ขณะเดียวกันยังจะพิจารณาการเจรจากับเมืองสำคัญในหลายๆ ประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยได้ โดยอาจดึงกลุ่มคนที่มีลูกยากเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในไทย อาทิ ทำเด็กหลอดแก้ว การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมไปถึงกลุ่มที่ต้องการเข้ามาแต่งงาน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักเข้ามาใช้จ่ายในไทยเพื่อสร้างเม็ดเงินสะพัดมากขึ้นด้วย

Advertisement

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการจับคู่เที่ยวระหว่างประเทศ (แทรเวล บับเบิล) ล่าสุดพบว่ายังมีข้อจำกัดเรื่องที่นักท่องเที่ยวในบางประเทศ เมื่อเดินทางออกนอกประเทศ อาทิ การมาเที่ยวไทย เมื่อกลับไปยังประเทศต้นทางยังต้องกักตัวเพื่อดูอาการตามกำหนดไว้ เนื่องจากบางประเทศยังมองประเทศไทยในภาพรวมว่าเป็นประเทศเสี่ยงสูง มียอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันค่อนข้างสูง ไม่ได้มองแบบแยกส่วน แม้ว่ามาเที่ยวไทยที่ภูเก็ตหรือสมุย จะสามารถเข้ามาเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัวแล้วก็ตาม ทำให้แนวคิดในการทำแทรเวล บับเบิล อาจต้องปรับเปลี่ยนเป็นแบบซิตี้ บับเบิล หรือการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวแบบเมืองต่อเมืองเพื่อลดขนาดความเสี่ยงลง โดยจะขอให้ประเทศคู่เจรจาพิจารณาลดจำนวนวันกักตัวแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติตอนขากลับ และขอให้พิจารณาปรับลดระดับคำเตือนมาไทย หลังปัจจุบันมีหลายประเทศจัดระดับคำเตือนมาไทยเป็นสีแดง โดยขอให้ดูเป็นรายพื้นที่แทน อาทิ ภูเก็ต และสมุย ซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อใหม่ในระดับต่ำติดต่อกันหลายวัน

“ททท.จะประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ขอให้ช่วยชี้แจงยังสถานทูตต่างๆ ในประเทศไทยให้พิจารณาเป็นรายพื้นที่ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางกลับประเทศต้นทาง ขอไม่ให้มีการกักตัวหรือลดจำนวนวันกักตัวลง โดยที่ผ่านมาประเทศไทยเคยหารือเตรียมทำแทรเวล บับเบิลร่วมกับ 3 ประเทศ และ 1 เขตบริหารพิเศษ ได้แก่ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ เวียดนาม และฮ่องกง ซึ่งจากนี้จะต้องพิจารณาการตอบกลับของแต่ละประเทศก่อน หากเดินหน้าแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบซิตี้ บับเบิลก็น่าจะทำได้ไม่ยาก โดยประเทศคู่เจรจาทำซิตี้ บับเบิลร่วมกันกับไทยน่าจะเป็นเมืองในประเทศเวียดนามและประเทศจีน” นายยุทธศักดิ์กล่าว

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวใหญ่อย่างจีนยังถือเป็นตลาดใหญ่ที่เข้ามาเที่ยวไทยมากที่สุด โดย รมว.การท่องเที่ยวได้ให้หารือกับทางการจีนเพื่อดึงนักท่องเที่ยวจากบางเมือง อาทิ มณฑลคุนหมิง ซึ่ง ททท.มีแนวคิดจัดทำรูปแบบท่องเที่ยวตามเส้นทางที่กำหนด (Sealed Approach) มายัง จ.เชียงใหม่ แต่เมื่อหารือร่วมกับจีนแล้ว พบว่าทางการจีนเน้นย้ำและให้ความสำคัญกับการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในประเทศก่อนเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันพบการระบาดที่กว่างโจว จึงยังไม่อนุญาตให้ชาวจีนออกนอกประเทศโดยไม่จำเป็น ทำให้แนวคิดดังกล่าวจึงต้องชะลอไว้ก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image