สมัคร กสทช.วันสุดท้าย บิ๊กเนมตบเท้ายื่นสมัคร 78 คน
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กรรมการ กสทช.) ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ปรากฏผลการรับสมัคร ระหว่างวันที่ 16-22 มิถุนายน 2564 ทั้งสิ้น 78 คน ดังนี้
ด้านกิจการกระจายเสียง จำนวน 12 คน ได้แก่
1.พลอากาศเอก มานัต วงษ์วาทย์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ
2.นายณภัทร วินิจฉัยกุล กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการกระจายเสียง
3.นางอรษา มุขเตียร์ เปอร์ดี้ อดีตผู้บริหารวิทยุกระจายเสียง
4.รองศาสตราจารย์ ดร.รังสรรค์ วงศ์สรรค์ รองศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
5.พลเอก กิตติ เกตุศรี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย
6.รองศาสตราจารย์ ดร.เทพรัตน์ พิมลเสถียร รองศาสตราจารย์ คณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
7.พลเรือเอก พงศกร กุวานนท์ ประธานกรรมการบริหารกิจการวิทยุกระจายเสียงทหารเรือ
8.พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการ กสทช.
9.นางเตือนใจ สินธุวณิก อดีตผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
10.พันเอก ดร.อนุรัตน์ อินกัน นักวิชาการอิสระ
11.พลเอก สุรใจ จิตต์แจ้ง อดีตหัวหน้าสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และโทรคมนาคม กองทัพบก
12.นายประเสริฐ อภิปุญญา อดีตกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน
ด้านกิจการโทรทัศน์ จำนวน 11 คน ได้แก่
1.นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.2550)
2.พลตรี วิเศษศักดิ์ สุนทรเกส ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก
3.นายศักดิ์ชัย พฤฒิภัค อดีตบรรณาธิการบริหารสถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็น
4.ดร.จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ
5.ศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง รามสูต ศาสตราจารย์ สาขานิเทศศาสตร์ ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
6.นายพัชระ สารพิมพา สื่อมวลชนอิสระ
7.นายสรพงศ์ เอื้อชูชัย วิทยากรอิสระ
8.พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
9.นายรัฐชทรัพย์ นิชิด้า อดีตผู้บริหารบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)
10.นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ อดีตเลขาธิการ กสทช.
11.พลตรี สุรศักดิ์ ศุขะ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
ด้านกิจการโทรคมนาคม จำนวน 13 คน
1.พันเอก ดร.พีรวัส พรหมกลัดพะเนาว์ กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม
2.พลอากาศตรี ทรงพล พรหมวา รองเจ้ากรมการสื่อสารทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย
3.พลเรือเอก ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
4.ดร.อานนท์ ทับเที่ยง อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
5.รองศาสตราจารย์ ดร.อธิคม ฤกษบุตร รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
6.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พสุ แก้วปลั่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
7.นายธีรวิทย์ จารุวัฒน์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
8.รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ อดีตอธิการสถาบันวิทยาการอวกาศและภูมิสารสนเทศ
9.นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)
10.นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
11.นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย อดีตผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค
12.นายวันชัย ผโลทัยถเกิง กรรมการอิสระ บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด
13.ศาสตราจารย์ อภิรัฐ ศิริธราธิวัตร อดีตคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 11 คน
1.ดร.วรรณชัย สุวรรณกาญจน์ อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ สำนักงาน กสทช.
2.ดร.พันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค
3.พลโท ชนินทร โพธิวัฒนางค์กูร หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำรองปลัดกระทรวงกลาโหม
4.พลตำรวจโท เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ข้าราชการบำนาญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
5.ผศ.ดร.ปาริชาติ หทัยทิพยมงคล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
6.พลตำรวจเอก ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
7.นายอุดม อึ้งสุวรรณพานิช รองอธิบดีอัยการภาค 8
8.ศ.คลินิก นายแพทย์ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
9.นายถนอม อ่อนเกตุพล ผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ NBT2HD กรมประชาสัมพันธ์
10.นายประพันธุ์ คูณมี ที่ปรึกษากฎหมาย กกต.
11.พลตำรวจโท สุรพล ทวนทอง อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน จำนวน 13 คน
1.นายต่อพงศ์ เสลานนท์ ที่ปรึกษาประจำรองประธาน กสทช.
2.พลเรือเอก ประสาน สุขเกษตร อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
3.พลโท พร ภิเศก อดีตผู้บัญชาการโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
4.นายพิษณุ วิเชียรสรรค์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีล้มละลาย สำนักงานอัยการสูงสุด
5.พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
6.นายสุวิทย์ มิ่งมล ประธานสหภาพแรงงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
7.นายวิทยา สุริยะวงค์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
8.นายไพโรจน์ โพธิไสย กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
9.นางสาวอารีวรรณ จตุทอง อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
10.พลเอก รศ. (คลินิก) นายแพทย์ สายัณห์ สวัสดิ์ศรี อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า
11.นายปรเมศวร์ กุมารบุญ กรรมการวิศวกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
12.พันเอก สุรจิต สุนทรธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานของ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
13.ดร.ศิริพงษ์ เกี้ยวสกุล นายกสมาคมสมาพันธ์ สภาองค์กรชุมชน
ด้านอื่นๆ ที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. จำนวน 18 คน แบ่งเป็น
ด้านกฎหมาย จำนวน 12 คน
1.รองศาสตราจารย์ สุธรรม อยู่ในธรรม กรรมการกำกับกิจการพลังงาน
2.นายสรศักดิ์ จันเกษม อธิบดีผู้พิพากษา ภาค 2
3.นายชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีทรัพย์สิน ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
4.พลตรี สุพิชาติ เสนานุรักษ์ ข้าราชการบำนาญกองทัพบก
5.พลเอก ประชาพัฒน์ วัจนะรัตน์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ
6.นายสมศักดิ์ อินทร์พันธุ์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
7.ว่าที่พันตรี ดร.สมบัติ วงศ์กำแหง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการบริหาร งานยุติธรรม ในคณะกรรมการพัฒนา การบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ
8.นายจิตรนรา นวรัตน์ อดีตผู้ตรวจการอัยการ
9.พลโท ดร.พิเชษฐ คงศรี อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้าน การทุจริตคอร์รัปชั่นกลาโหม
10.นายจีรพงศ์ วัฒนะรัตน์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายทรงคุณวุฒิ
11.ดร.กฤษดา โรจนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีแพ่ง 3 สำนักงานอัยการสูงสุด
12.ร้อยโท ดร.ธนกฤษฏ์ เอกโยคยะ รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัย และสร้างสรรค์
ด้านเศรษฐศาสตร์ จำนวน 6 คน
1.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการ กสทช.
2.รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย ผู้อำนวยการสถาบันอาณาบริเวณศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
3.นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
4.ศาสตราจารย์ ดร.อารยะ ปรีชาเมตตา ศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
5.นายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน
6.นางทรงพร โกมลสุรเดช อดีตปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำนวนผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น กสทช.ดังกล่าว มีบุคคลที่เคยผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น กสทช. รวมถึงผ่านการแสดงวิสัยทัศน์ และการสัมภาษณ์ ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 จำนวน 14 คน ได้แก่ ด้านกิจการกระจายเสียง พลอากาศเอก มานัต วงษ์วาทย์ และนางอรษา มุขเตียร์ เปอร์ดี้ ด้านกิจการโทรทัศน์ ศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง รามสูต และ ดร.จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร ด้านโทรคมนาคม นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ และ รองศาสตราจารย์ ดร.อธิคม ฤกษบุตร ด้านวิศวกรรม ดร.อานนท์ ทับเที่ยง และรองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคหรือส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน พลตำรวจโท เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ และนายต่อพงศ์ เสลานนท์ ด้านกฎหมาย นายจิตรนรา นวรัตน์ และร้อยโท ดร.ธนกฤษฏ์ เอกโยคยะ ด้านเศรษฐศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภักดี มะนะเวศ และศาสตราจารย์ ดร.อารยะ ปรีชาเมตตา
ซึ่งในจำนวน 14 คน ดังกล่าว มี 10 คน ที่พลตรี สุพิชาติ เสนานุรักษ์ ข้าราชการบำนาญกองทัพบก ผู้สมัคร กสทช. ด้านกฎหมาย เคยยื่นหนังสือถึง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เรื่อง ผู้สมัครเป็น กสทช. ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย เช่น นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ, รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์, ดร.อานนท์ ทับเที่ยง, ร้อยโท ดร.ธนกฤษฏ์ เอกโยคยะ และ พลตำรวจโท เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ เป็นต้น
ขณะที่ กระบวนการสรรหา กสทช. หลังจากนี้ถึงเดือนสิงหาคม มีการตรวจคุณสมบัติผู้สมัคร โดยทางคณะกรรมการจะมีนัดประชุม ดังนี้ วันที่ 20-23 สิงหาคม ประชุมหารือผู้สมัครท่านใดผ่านคุณสมบัติ จากนั้น วันที่ 31 สิงหาคม, 2-3 กันยายน เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ และการสัมภาษณ์ ถัดไปวันที่ 8 กันยายน รับรองผลรายงานการประชุมเพื่อส่งรายชื่อเสนอสมาชิกวุฒิสภาพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ หลักการโหวตของคณะกรรมการสรรหา กสทช. ถ้ามีคนงดออกเสียง เช่น งดออกเสียง 2 คน, รับ 3 คน, ไม่รับ 2 คน ถือว่าที่รับ 3 คน ไม่ผ่านเพราะเสียงไม่เกินครึ่งหนึ่งของคณะ (คณะมี 7 คน ต้องรับ 4 คนจึงจะถือว่าผ่าน เกินครึ่งหนึ่ง)
