ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวันที่ 9 กันยายน ว่าเปิดตลาดดัชนีหุ้นไทยปรับลดทันทีกว่า 14.46 จุด แล้วเด้งขึ้นมาทำจุดสูงสุดของวันที่ 1,458.39 จุด ซื้อขายในแนวเดียวกับดัชนีปิดของวันก่อนหน้าระยะหนึ่ง และก่อนปิดการซื้อขายช่วงเที่ยงดัชนีเริ่มปักหัวลงกลับมาซื้อขายในแดนลบ ทำจุดต่ำสุดของวันในช่วงประมาณ 15.00 น. ที่ 1,435.67 จุด ลดลงจากวันก่อนหน้า 19.71จุด หรือ 1.35% จากนั้นดัชนีปรับดีขึ้นอีกเล็กน้อย ปิดการซื้อขายที่ 1,445.28 จุด ลดลง 10.10 จุด หรือ 0.69% มูลค่าการซื้อขาย 64,449.25 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 419.17 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 254.64 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 424.54 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 589.07 ล้านบาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัท หลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงนี้หุ้นไทยจะยังผันผวนอยู่ต่อเนื่องเพราะมีความกังวลกดดันและนักลงทุนเริ่มขายทำกำไร ผนวกกับนักลงทุนสถาบันมีแรงขายออกมาและช่วงนี้ต้องระวังว่านักลงทุนต่างประเทศจะขายออกมาด้วยหรือไม่ ในเชิงกลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าในช่วงที่หุ้นย่อต่ำกว่า 1,450 จุด เป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนระยะยาวคือต้องการซื้อถือข้ามปีจะเข้ามาทยอยเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ปันผลสูงเก็บไว้ สำหรับนักลงทุนระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรในช่วงนี้มองว่าสัปดาห์หน้าจะแกว่งตัวที่ 1,430-1,460 จุด ช่วงนี้นักลงทุนต้องอ่านกราฟประกอบและต้องไวต่อข่าวสาร
นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า แรงขายของสถาบันที่เกิดขึ้นเป็นผลจากผู้ถือหน่วยลงทุนสั่งขายอาจเพราะกังวลเรื่องนักลงทุนต่างชาติเริ่มขายในตลาดหุ้นในภูมิภาครวมทั้งราคาหุ้นที่เริ่มสูงขึ้น แต่ในมุมมองของผู้จัดการกองทุนน่าจะมองว่าช่วงนี้เหมาะสมกับการซื้อสะสม สำหรับภาวะตลาดช่วงนี้มองว่าหุ้นไทยอยู่ในระหว่างปรับฐานใหม่ หลังครองแชมป์ปรับขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 100-200 จุดจากต้นปีรับข่าวมติร่างรัฐธรรมนูญผ่าน และเศรษฐกิจเริ่มฟื้น ส่วนตัวมองว่าช่วงนี้นักลงทุนสามารถเข้าซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ)
