‘ททท.’ ย้ำพร้อมเปิด ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ 1 ก.ค. อวดวันเดียวต่างชาติจ่อเที่ยว 500 คน

‘ททท.’ ย้ำพร้อมเปิด ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ 1 ก.ค. อวดวันเดียวต่างชาติจ่อเที่ยว 500 คน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การเปิดภูเก็ตรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้รูปแบบภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ความคืบหน้าในขณะนี้ พบว่าวันที่ 28 มิถุนายนนี้ จะนำหลักเกณฑ์แนวปฏิบัติสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (เอสโอพี) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาออกมา ทำให้สถานทูตไทยในต่างประเทศ สามารถเร่งออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าไทย (ซีโออี) ที่ต้องนำมาประกอบวีซ่าในการเดินทางเข้าไทย ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยื่นขอมาเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้ โดยเบื้องต้นอาจมีออกให้ไม่ทันวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่สิ่งที่ได้คือ ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และธุรกิจสายการบิน เพราะแม้จะยังไม่ประกาศราชกิจจาฯ ออกมา แต่สายการบินเปิดเที่ยวบินแล้ว รวมถึงต่างชาติแสดงความต้องการเข้ามาเที่ยวภูเก็ตแล้ว

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ความล่าช้าในการประกาศราชกิจจาฯ เป็นเพราะกำหนดเงื่อนไขให้ครอบคลุมการเปิดรับต่างชาติในพื้นที่นำร่องทั้ง 10 พื้นที่ ได้แก่ ภูเก็ต, กระบี่, พังงา, สุราษฎร์ธานี, เชียงใหม่, ชลบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, บุรีรัมย์ และกรุงเทพฯ ทำให้หากจะเปิดพื้นที่นำร่องอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ต้องออกประกาศราชกิจจาฯ ใหม่แล้ว โดยสามารถนำเอสโอพีเสนอให้ศบค.ชุดเล็กพิจารณาและหากได้รับการเห็นชอบ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเปิดพื้นที่นำร่องอื่นอย่างรวดเร็วต่อไป โดยไตรมาส 3/2564 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวภูเก็ต จำนวน 1 แสนคน สร้างรายได้ 8,900 ล้านบาท

นายยุทธศักดิ์กล่าวอีกว่า จากรายงานพบว่าในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาจำนวน 400-500 คน ถามว่าจำนวนดังกล่าวสูงพอหรือไม่ ประเมินจากข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีประมาณ 6,052 คน หากดึงให้เข้ามาได้วันละ 400-500 คน รวมทั้งเดือนจะมีต่างชาติเข้ามาจำนวน 12,000-15,000 คนแล้ว ซึ่งถือเป็นโอกาสจริงๆ ซึ่งล่าสุดพบว่ามีกองถ่ายทำของซีเอ็นเอ็น (CNN) ลงพื้นที่ถ่ายทำเกี่ยวกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นปรากฏการณ์ที่ดีต่อไป

“วันที่ 15 กรกฎาคมนี้ จะเปิดพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานีเพิ่มเติม ซึ่งจะประเมินต่อว่าสามารถเชื่อมการเดินทางระหว่างภูเก็ตไปยัง 3 พื้นที่เหล่านี้ได้หรือไม่ โดยการผลักดันที่เกิดขึ้น เพื่อให้เปิดประเทศรับต่างชาติให้ได้ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยเน้นย้ำว่าต้องอยู่ภายใต้ความระมัดระวัง การปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด และเงื่อนไขการแพร่ระบาดโควิดที่ยอมรับได้หลังจากนี้จะขยายการเปิดรับต่างชาติไปยังพื้นที่อื่นๆ อาทิ ในเดือนสิงหาคมนี้ เป็นจังหวัดกะบี่ ส่วนของเกาะไหง เกาะไร่เลย์ เกาะพีพี และจังหวัดพังงา ส่วนของเขาหลัก เกาะยาว

Advertisement

“หากมองสถานการณ์ทั้งประเทศ พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการออกมาควบคุมมากขึ้นแล้ว โดยนโยบายการกำหนดเปิดประเทศรับต่างชาติ ทำให้ต้องเดินหน้าทยอยเปิดพื้นที่ที่มีความพร้อมก่อน แบบไม่คำนึงถึงสถานการณ์การระบาดในภาพใหญ่ เพราะพื้นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน จึงต้องสร้างความเข้าใจให้มองแยกแต่ละพื้นที่ออกจากภาพรวมระดับประเทศ อาทิ ประเมินเฉพาะในพื้นที่ภูเก็ต ตัวเลขผู้ติดโควิดรายใหม่อยู่ในระดับต่ำมาก รวมถึงในวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นด้วย จึงยังมีมุมมองเป็นบวกอยู่” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า หลังจากไทยประกาศเดินหน้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ผลที่เกิดขึ้นคือ ประเทศเวียดนามได้ประกาศลดจำนวนวันกักตัวสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าเวียดนาม เหลือ 7 วัน เน้นเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ในกลุ่มคนเวียดนามที่อาศัยอยู่ต่างประเทศและต้องการกลับบ้าน กลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มนักท่องเที่ยว มีผลวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ซึ่งมองว่าเป็นผลจากไทยสามารถเดินหน้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้ ทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของประเทศดังกล่าวขึ้น จึงสั่งการให้สำนักงานททท.ในเวียดนาม เร่งหารือในการจับคู่เดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน (แทรเวล บับเบิล) เพราะหากเวียดนามลดจำนวนวันกักตัวลง ส่งผลเชิงบวกกับการเข้ามาเที่ยวภูเก็ตได้ เท่ากับว่าจะสามารถทำให้การเดินทางของตลาดระยะใกล้ มีความเป็นไปได้มากขึ้น จากเดิมที่หวังว่าในช่วงนำร่องจะเห็นตลาดระยะไกลเข้ามาเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นโอกาสอีกทางหนึ่ง เพราะอาจมีอีกหลายประเทศที่ทำตาม อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ ที่ต้องพิจารณาลดจำนวนวันกักตัวลง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยผ่านภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มากขึ้น

“สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคือสถานการณ์การระบาดโควิดในกรุงเทพมหานคร (กทม.) แต่ไม่ได้หมายความว่า คนจากกทม.จะไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวภูเก็ตได้ ความจริงคือ สามารถเดินทางเข้าพื้นที่ได้ แต่ต้องทำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ได้แก่ ได้รับวัคซีนครบโดสจนเกิดภูมิคุ้มกันแล้ว หรือหากยังไม่ได้รับวัคซีน ต้องแสดงเอกสารยืนยันการตรวจไม่พบเชื้อโควิด รวมถึงคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หากกักตัวครบ 14 วันแล้ว สามารถเดินทางไปจังหวัดอื่นๆ ได้ตามปกติ

Advertisement

“ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ไม่จำเป็นต้องอยู่ให้ครบ 14 วัน หากต้องการเดินทางไปประเทศอื่นต่อ แต่หากต้องการเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย จำเป็นต้องอยู่ในภูเก็ตให้ครบ 14 วัน ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ โดยเน้นย้ำว่า การนำร่องเปิดภูเก็ตรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในครั้งนี้ ไม่ได้มองในแง่ของการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเท่านั้น แต่ยังมองกลุ่มนักธุรกิจที่สามารถเข้ามาจัดประชุมสัมมนา และท่องเที่ยวไปในตัวได้ ซึ่งถือเป็นการเปิดประเทศในมิติของเศรษฐกิจอย่างแท้จริง” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

ด้านนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุด มีสายการบินจองบินเข้าภูเก็ตแน่นอนแล้ว 4 สายการบิน เฉพาะในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ได้แก่ เอทิฮัด แอร์เวย์ บินเข้ามาเวลา 10.30 น. กาตาร์แอร์เวย์ เวลา 13.30 น. แอลอัล อิสราเอล แอร์ไลน์ เวลา 13.45 น. และสิงคโปร์แอร์ไลน์ เวลา 17.00 น. กลุ่มลูกค้ามาจากหลายประเทศผสมกัน อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอิสราเอล รวมจำนวนประมาณ 400-500 คน ส่วนวันถัดไป มีความต้องการบินเข้าภูเก็ตจากสายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ การบินไทย และเพิ่มขึ้นในรายวัน เนื่องจากเมื่อมีประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษาออกมาแล้ว ธุรกิจสายการบินสามารถขับเคลื่อนได้ เป็นความมั่นใจระดับประเทศ ว่าภาคการท่องเที่ยวไทยสามารถเปิดนำร่องแล้ว ผ่านโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

นายศิริปกรณ์กล่าวว่า สำหรับการเตรียมพร้อมของภาคเอกชน ขณะนี้มีธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับมาตรฐานเอสเอชเอ พลัส จำนวนมาก ตั้งแต่โรงแรม รถเช่า นวดสปา ร้านอาหาร ซึ่งบุคลากรหรือพนักงานให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ได้รับวัคซีนเกือบ 100% แล้ว จึงสร้างความมั่นใจได้สูงมาก ส่วนข้อกังวลว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามา มีการควบคุมอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้ออกนอกภูเก็ตก่อนอยู่ครบ 14 วัน ขณะนี้ ททท.ได้จัดทำแพลตฟอร์มระบบหลังบ้าน ภาตใต้ชื่อชาบา หรือ SHABA.com ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลการจองโรงแรมที่ได้รับมาตรการเอสเอชเอ พลัสได้ โดยในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ยืนยันการจองที่พักจริงแล้ว จำนวน 217 คน ซึ่งนับเฉพาะวันที่ 1-15 วันแรกเดือนกรกฎาคมนี้ มียอดจองและชำระเงินแล้ว ทั้งหมด 1,101 การจอง คิดเป็นจำนวนห้องพัก 13,116 ห้อง ซึ่งถือเป็นการทดสอบระบบ และประเมินการทดลองเปิดภูเก็ตรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในครั้งนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image