มติที่ประชุมบีโอไอ เคาะเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านวิจัย-พัฒนา แก่กิจการทุกประเภท

เลขาบีโอไอ เผยที่ประชุมบีโอไอ มีมติเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านทำวิจัยและพัฒนา รวมถึงส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านดิจิทัล และอุตสาหกรรมด้านแพ็กเกจจิ้ง รองรับการเติบโตด้านอีคอมเมิร์ท พร้อมเผย คำขอส่งเสริมส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 14 % เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 80%

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ว่า มีมติให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์มาตรการส่งเสริมในเรื่องการทำวิจัยและพัฒนาให้มีสิทธิประโยชน์มากขึ้น เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบให้ทำการวิจัยและพัฒนา และที่ประชุมมีมติให้มีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้กับบริษัทที่มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับการฝึกอบรม และรับนักศึกษาฝึกงาน ให้กับทุกประเภทกิจการโดยสิทธิประโยชน์ด้านการทำวิจัยและพัฒนา ถ้าหากบริษัททำการวิจัยและพัฒนาอย่างเดียวถึงเกณฑ์ที่กำหนด ทางบีโอไอจะไม่กำหนดเรื่องเพดานภาษีเงินได้ และกำหนดไว้ว่า ต้องทำได้ 1 % ของยอดขาย 3 ปีแรก หรืออย่างน้อย 200 ล้านบาท และคาดหวังจากมาตรานี้จะส่งผลให้การวิจัยและพัฒนาดีขึ้น จากเดิมตัวเลขอยู่ที่ 1.1 % ของจีดีพี น่าจะช่วยทำให้ตัวเลขด้านนี้ดีขึ้น

นางดวงใจ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติปรับปรุงประเภทกิจการและสิทธิประโยชน์ในบางสาขา เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก และรองรับผลกระทบจากโควิด โดยบีโอไอได้เสนอในอุตสาหกรรมดิจิทัล รวมถึงการทำแฟลตฟอร์มและดิจิทัลคอนเทนต์ และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และอุตสาหกรรมแพ็กเกจจิ้ง ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีมาก จากการขยายตัวด้านอิคอมเมิร์ท โดยเน้นการพัฒนาไปสู่ประเภทกิจการ “บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ” ซึ่งบีโอไอยังไม่มีกิจการในด้านนี้

“นอกจากนี้ บีโอไอมีมติปรับปรุงประเภทกิจการและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ในลักษณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์รีไซเคิล ส่วนภาพรวมการลงทุนตัวเลขคำขอส่งเสริมการลงทุนในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) เพิ่มขึ้น 14 % และเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 80 %” เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image