‘MENA’ อวดหุ้นไอพีโอขายเกลี้ยง 184 ล้านหุ้น ชูธุรกิจโลจิสติกส์ร้อนแรง พร้อมเข้าเทรดใน 7 ก.ค. นี้
กระแสตอบรับดีเยี่ยม สำหรับ MENA หุ้นน้องใหม่หนึ่งในผู้นำธุรกิจขนส่ง ปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอทั้งหมด 184 ล้านหุ้น มีนักลงทุนจองซื้อเข้ามาอย่างล้นหลาม สะท้อนความเชื่อมั่นฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจขนส่งกว่า 27 ปี ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตตามโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็กต์) ของภาครัฐ ที่มีแผนระยะยาวเป็น 10 ปี ด้วยมูลค่างานมหาศาล และงานขนส่งกลุ่มสินค้าเฉพาะทางที่ฉายแววเด่นรับปัจจัยบวกโลจิสติกส์ในประเทศเพิ่มความต้องการ (ดีมานด์) มากขึ้น จึงมั่นใจว่า MENA จะก้าวสู่การเป็นหุ้นที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับจากนักลงทุนในการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วันที่ 7 กรกฎาคมนี้
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ MENA เปิดเผยว่า กระแสการตอบรับจากกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามามีจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ สามารถขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (ไอพีโอ) หมดทั้งจำนวนเสนอขาย 184 ล้านหุ้น สะท้อนศักยภาพธุรกิจ และความเชื่อมั่นในฐานะผู้นำธุรกิจขนส่ง ซึ่งมีความต้องการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ตามแผนการลงทุนของภาคเอกชน และการพัฒนางานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐซึ่งมีแผนระยะยาวเป็น 10 ปี โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีกองยานรถมิกเซอร์จำนวน 466 คัน และมีรถเทรลเลอร์ (หัวลาก) 75 คัน รวมถึงยังมีรถกึ่งพ่วง หรือหางลากประเภทต่างๆ จำนวน 105 คัน เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดที่มีความแข็งแกร่ง และได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้ามายาวนาน
“แม้ในสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ก็สามารถบริหารจัดการได้อย่างดี และมีผลประกอบการในระดับที่น่าประทับใจ รวมถึงสถานการณ์ล่าสุดที่ภาครัฐได้ออกมาตรการที่ประกาศปิดแคมป์ก่อสร้างในพื้นที่สีแดง แต่บริษัทฯ ยังมีงานขนส่งในพื้นที่อื่นๆ และการบริหารจัดการ รถเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่อื่นๆ ได้ รวมถึงคาดว่าความต้องการจะกลับมาทวีคูณเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย เพราะงานโปรเจ็กต์เหล่านี้ต้องเดินหน้าตามกำหนดการเดิมที่วางไว้ ทำให้แนวโน้มไตรมาส 2/2564 คาดผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมาย เติบโตขึ้นจากการบริหารจัดการรถขนส่งสินค้าสอดรับดีมานด์ในตลาดได้” นางสุวรรณา กล่าว
นางสุวรรณา กล่าวว่า สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้รวมมูลค่า 220.80 ล้านบาท จะนำไปลงทุนขยายกองยานรถขนส่ง หรือการจับมือพันธมิตรเพื่อต่อยอดธุรกิจหลัก ประมาณ 73% ภายในปี 2565 โดยบริษัทฯ มีนโยบายกำหนดอัตราผลตอบแทนภายในขั้นต่ำ (ไออาร์อาร์) เพื่อประโยชน์แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้น ส่วนที่เหลือ บริษัทฯ จะนำไปใช้จ่ายคืนหนี้สิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ เพื่อสนับสนุนให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นางยอดฤดี สันตติกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ หัวหน้าสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ MENA เปิดเผยว่า ในช่วงเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอของบริษัทฯ ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาอย่างล้นหลาม สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของมีนา และโอกาสในการขยายบริการด้านขนส่ง จึงเชื่อมั่นว่า มีนาจะได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องในวันเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มธุรกิจกลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 นี้
ทั้งนี้ MENA เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 184 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท กำหนดราคาไอพีโอ หุ้นละ 1.20 บาทคิดเป็น P/E ที่ประมาณ 20.69 เท่า ถือเป็นระดับราคาที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของบริษัทซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือใกล้เคียงกับธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีค่าเฉลี่ยของ P/E เท่ากับ 30.8 – 31.5 เท่า
“เชื่อมั่นว่า MENA จะเป็นอีกหุ้นเด่นที่ได้รับการจับตามอง ด้วยจุดแข็งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการขนส่งด้วยรถมิกเซอร์ และรถเทรลเลอร์ ที่มีการบริหารจัดการดีเยี่ยม มีแผนการขยายงานที่ค่อนข้างชัดเจน สร้างความน่าสนใจการลงทุนในระยะยาว และในช่วงครึ่งปีหลัง เรามองว่าโลจิสติกส์จะมีความต้องการจากลูกค้าในระดับสูง ขานรับมาตรการภาครัฐและเอกชนที่มีนโยบายการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นโอกาสของมีนาให้สร้างผลประกอบการตามแผนงานที่วางไว้ได้ และหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีสตอรี่ให้ตามต่อจากโครงการในอนาคตของบริษัทฯ เป็นอีก New S-Curve รับโอกาสโลจิสติกส์ในประเทศบูม” นางยอดฤดี กล่าว