‘บัญชีกลาง’ เคาะเกณฑ์เบิกเงิน การรักษาตัวที่บ้าน-ผู้มีอาการผิดปกติ หลังฉีดวัคซีนโควิด มีผลตั้งแต่ 28 มิ.ย.

‘บัญชีกลาง’ ออกเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาล กรณีรักษาตัวที่บ้าน-กรณีมีอาการผิดปกติภายหลังได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยที่สถานพยาบาลของทางราชการหรือสถานที่อื่นที่สถานพยาบาลได้จัดเตรียมไว้ อีกทั้งกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ ได้กำหนดแนวทางการให้การรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation) หรือในสถานที่อื่นๆ (Community Isolation) ระหว่างรอเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน ประกอบกับได้มีการเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่กระตุ้นการเกิดหลอดเลือดอุดตันจากภูมิคุ้มกันภายหลังได้รับวัคซีนด้วยนั้น

นายประภาศกล่าวว่า กรมบัญชีกลางจึงได้กำหนด หลักเกณฑ์ อัตรา วิธีการ และเงื่อนไข การเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล กรณีผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวเสี่ยงหรือติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (ฉบับที่ 3) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1.กรณีได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 และอยู่ระหว่างรอเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งแพทย์มีความเห็นให้รักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือสถานที่อื่นๆ (Community Isolation) ผู้มีสิทธิสามารถเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลได้ ดังนี้

Advertisement

1.1 ค่าบริการของสถานพยาบาลและการดูแลผู้ป่วยกรณีพักรอก่อนเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง วันละไม่เกิน 1,000 บาท และไม่เกิน 14 วัน

1.2 ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดตามอาการ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 1,100 บาทต่อราย

1.3 ค่ายา ค่าเอกซเรย์ ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ และค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง
แต่ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด

Advertisement

1.4 ค่าพาหนะส่งต่อ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 1,000 บาท และค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อบนรถพาหนะ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 3,700 บาทต่อครั้ง ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ป้องกันบุคคลของเจ้าหน้าที่แล้ว

2.กรณีมีอาการผิดปกติภายหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และแพทย์สันนิษฐานว่าเกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่กระตุ้นการเกิดหลอดเลือดอุดตันจากภูมิคุ้มกันภายหลังได้รับวัคซีน หากเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน ให้มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ดังนี้

2.1 ค่าตรวจ Heparin-PF 4 antibody (lgG) ELISA assay และค่าตรวจ Heparin induced platelet activation test (HIPA) ตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด เรื่อง อัตราค่าบริการสาธารณสุขเพื่อใช้สำหรับการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของทางราชการ ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

2.2 ค่ายา IVIG (Human normal immunoglobulin, intravenous) ตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด

“หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลข้างต้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ Call center กรมบัญชีกลาง 0-2270-6400 ในวัน เวลาราชการ” นายประภาศกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image