‘โกลเบล็ก’ หวั่นยอดโควิดพุ่ง–หนี้สาธารณะเพิ่ม กดดันหุ้นไทยผันผวนขาลง
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวขาลง (ไซด์เวย์ดาวน์) เพราะมีแรงกดดันจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทะลุหลักหมื่นรายต่อวัน โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ประกาศยกระดับมาตรการและขยายเวลาล็อกพื้นที่สีแดงเข้มเพิ่มเติม ในส่วนของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา และชลบุรี รวมเป็น 13 จังหวัดแล้ว ขณะที่หนี้สาธารณะไทยในเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา พุ่งแตะ 8.69 ล้านล้านบาท คิดเป็น 55.42% ของจีดีพีไทย ซึ่งใกล้ชนเพดานกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดไม่เกิน 60% ของจีดีพีแล้ว ทำให้กระทรวงการคลังเตรียมหารือในการขยายเพดานหนี้เพิ่มเติม จึงคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,520-1,580 จุด
“หุ้นไทยถูกกดดันทั้งปัจจัยในประเทศ และปัจจัยต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ รมว.คลังสหรัฐเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นนานหลายเดือน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคได้ ยุโรปมีมติถอดประเทศไทยออกจากบัญชีรายชื่อกลุ่มประเทศที่มีความปลอดภัยที่สามารถเดินทางเข้าได้ในช่วงที่โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด รวมถึงวาณิชธนกิจโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีหลายประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2564 รวมถึงประเทศไทย เพราะโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดรุนแรงอยู่ บวกกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปก และโอเปกพลัส มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และทยอยปรับเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2564 ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง จากที่เป็นปัจจัยหนุนในช่วงที่ผ่านมา” นางสาววิลาสินี กล่าว
นางสาววิลาสินี กล่าวว่า ปัจจัยที่ต้องจับตาใกล้ชิด ได้แก่ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร สหรัฐเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนกรกฎาคม ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีสำคัญๆ ในเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ได้แก่ การเริ่มสร้างบ้าน และการอนุญาตก่อสร้าง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศ และยอดขายบ้านมือสอง ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยรายงานการประชุม สหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประชุมนโยบายการเงิน และแถลงมติอัตราดอกเบี้ย จึงแนะนำกลยุทธ์ในการลงทุนคือ เลือกหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเครื่องมือแพทย์ ที่จะประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตสูงจากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปี 2563
