‘พิพัฒน์’ จ่อบินร่วมโอลิมปิกญี่ปุ่น 22 ก.ค.นี้ ปักหมุดกลับไทยผ่าน ‘ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์’

‘พิพัฒน์’ จ่อบินร่วมโอลิมปิกญี่ปุ่น 22 ก.ค.นี้ ปักหมุดกลับไทยผ่าน ‘ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์’

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ มีกำหนดการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นช่วงวันที่ 23 กรกฎาคม- 8 สิงหาคม 2564 โดยมีนักกีฬาไทยคว้าโควต้าเข้าร่วมการแข่งขันรวม จำนวน 42 คน จาก 15 สมาคมกีฬา ในกีฬา 16 ประเภท ซึ่งมีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ โดยจะเดินทางกลับไทยผ่านโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ เนื่องจากไม่ต้องกักตัว 14 วัน ทำให้มีความสะดวกในการทำงานได้มากกว่า โดยคาดการณ์ว่าทั้งเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ 12,000 คน หลังจากเห็นตัวเลขสะสม 19 วันแรก นับตั้งแต่ 1-19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีจำนวน 8,619 คน มีการจองห้องพักโรงแรมในเดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 186,176 คืน ซึ่งส่วนนี้ได้ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ถือว่ามีการเดินทางจริงแน่นอน โดยจากการสำรวจการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา เฉพาะยุโรป สหรัฐฯ ปกติจะใช้จ่ายอยู่ที่ 65,000 บาทต่อคนต่อทริป แต่ขณะนี้ใช้จ่ายสูงขึ้นอยู่ที่ 89,000 บาทต่อคนต่อทริป จึงคาดว่าต่างชาติที่เข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม มีการใช้จ่ายสะพัดในพื้นที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท

“การไปญี่ปุ่นในครั้งนี้ รูปแบบการเดินทางเป็นเส้นทางกำหนดเฉพาะ (ซีลรูท) ในแบบเดียวกันที่กำหนดในโครงการสมุย พลัส โดเดล เนื่องจากกำหนดไว้ในตารางการเดินทางชัดเจนว่า ในแต่ละวันจะต้องเดินทางไปที่ใด เพื่อร่วมงานหรือทำงานอะไรบ้าง จึงคาดว่าไม่น่าจะได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับการจับคู่ท่องเที่ยวระหว่างกัน (แทรเวล บับเบิ้ล) เพื่อนำร่องดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มเติม” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับตลาดในประเทศ คาดหวังว่าไตรมาส 4/2564 จะมีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่คาดไว้ว่าภายในเดือนสิงหาคมนี้ จะสามารถเดินทางใหม่ได้ แต่ขณะนี้ประเมินจากสถานการณ์ ไม่น่าจะเป็นไปได้แล้ว โดยจะหารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อพยายามให้เดือนกันยายนนี้ สามารถเปิดลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย แต่รูปแบบการเดินทางอาจเน้นให้เที่ยวเฉพาะในจังหวัดที่มีการติดเชื้อไม่มาก หรือจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับต่ำจริงๆ กลุ่มสีเขียวและสีเหลือง ส่วนหากเป็นจังหวัดสีส้ม สีแดง หรือสีแดงเข้ม จะไม่อนุญาตให้เที่ยวเด็ดขาด รวมถึงอาจเป็นรูปแบบการจับคู่เที่ยวระหว่างจังหวัดที่ปลอดภัยก่อน เพื่อฟื้นบรรยากาศในภาพรวม และนำร่องการเดินทางใหม่อีกครั้ง โดยส่วนนี้ยังต้องหารือกันอีกครั้งว่าจะสามารถเริ่มต้นได้อย่างไร เนื่องจากต้องประเมินสถานการณ์การระบาดโควิดร่วมด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image