‘คิวทีซี’ เดินหน้าเข้า ‘ตลาดหลักทรัพย์ฯ’ 29 ก.ค.นี้ เล็งดึงนักลงทุนสถาบัน ตุนสภาพคล่องระยะยาว

‘คิวทีซี’ เดินหน้าเข้า ‘ตลาดหลักทรัพย์ฯ’ 29 ก.ค.นี้ เล็งดึงนักลงทุนสถาบัน ตุนสภาพคล่องระยะยาว

นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิต จัดจำหน่าย และให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า เปิดเผยว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.ได้อนุมัติการย้ายหลักทรัพย์คิวทีซี เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (เซต) เป็นวันแรก ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค สำหรับการย้ายเข้าซื้อขายในเซตครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนสถาบันและกองทุนเข้ามาถือหุ้น ซึ่งจะช่วยยกระดับบริษัทฯ และเป็นการขยายฐานนักลงทุนให้กว้างขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงได้ดียิ่งขึ้น มีแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มศักยภาพการต่อยอดและขยายงานทางธุรกิจในอนาคตให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตในปี 2564 แตะ 1,200 ล้านบาท ผ่านการมุ่งเน้นผลักดันธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง ปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจด้านการบริหารจัดการแบบเชิงรุกมากขึ้น ทั้งการขายหม้อแปลงไฟฟ้า การขายแผงโซลาร์เซลล์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่อง

นายพูลพิพัฒน์ กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่บริษัทฯ อยู่ในตลาด mai ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การดำเนินธุรกิจผู้ผลิต จัดจำหน่าย และให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า, ธุรกิจจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของบริษัทย่อย บจ.คิวโซลาร์ 1 ซึ่งมีขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 8.6 MW  รวมทั้งการแตกไลน์ไปยังธุรกิจเทรดดิ้ง โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้กับ LONGI Solar, Trina Solar และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่สะท้อนถึงจุดสนใจของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากติดเงื่อนไขการเข้าลงทุนในหุ้น mai ดังนั้น หลังจากนี้บริษัทฯ เชื่อว่าจะเป็นการเปิดโอกาสการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนสถาบันมากขึ้น และยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัท

“ผลการดำเนินงานปี 2563 มีรายได้รวม 1,037.24 ล้านบาท กำไรสุทธิ จำนวน 157.53 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1/2564 มีรายได้รวม 233.77 ล้านบาท กำไรสุทธิ จำนวน 22.63 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสะสม ณ สิ้นไตรมาส 1/2564 ทั้งสิ้น 196.56 ล้านบาท และยังมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิที่เหลือ หลังจากหักเงินสำรองต่างๆ ถือเป็นการตอกย้ำศักยภาพการเติบโตอย่างชัดเจน แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาเจอสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงอย่างการระบาดไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทฯ ยังสามารถแก้ไข ปรับตัว และรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายพูลพิพัฒน์ กล่าว

นายพูลพิพัฒน์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย รวมถึงกรณีการปรับขึ้นราคาของวัตถุดิบหลักทั้งทองแดงและเหล็กทุกชนิดในช่วงที่ผ่านมา แต่บริษัทฯ ก็แสดงให้เห็นว่ายังสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง บนโมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นกระจายความเสี่ยง ไม่ต้องการผูกติดกับธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง จากแนวคิดแสวงหาโอกาสใหม่ๆ รวมถึงบริษัทฯยังมุ่งเน้นให้ความสำคัญในการควบคุมต้นทุนในทุกด้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพทำกำไรให้บริษัทฯ ระยะยาว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image