‘ศักดิ์สยาม’ เผย 1 ก.ย.นี้เตรียมขยายอีก 6 เส้นทางให้รถวิ่งได้ 120 กม./ชม.

‘ศักดิ์สยาม’ เผย 1 ก.ย.นี้เตรียมขยายอีก 6 เส้นทางให้รถวิ่งได้ 120 กม./ชม.

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามผลการเปิดใช้เส้นทางที่อนุญาตให้รถวิ่งได้ 120 กิโลเมตร (กม.)/ชั่วโมง (ชม.) และความคืบหน้าการขยายเส้นทางที่จะเปิดใช้ในระยะถัดไป ว่ากรมทางหลวง (ทล.) ได้นำเสนอผลการใช้งานของประชาชนในเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ช่วง บางปะอิน-อ่างทอง ที่ได้เปิดใช้ไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งผู้ขับขี่ได้มีการใช้ความเร็วตามความเร็วจำกัดในแต่ละช่องทางดีขึ้น

โดยตรวจสอบจากสัดส่วนยานพาหนะที่วิ่งด้วยความเร็วที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดในแต่ละช่องทาง พบว่ามีการฝ่าฝืนการใช้ความเร็วในแต่ละช่องจราจรลดลง เทียบกับก่อนการบังคับใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. ทั้งนี้ กองบังคับการตำรวจทางหลวงได้รายงานว่า ในช่วงเส้นทางดังกล่าวมีการบังคับใช้กฎหมายและมีการออกใบสั่งแก่ผู้ฝ่าฝืนอย่างต่อเนื่อง

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ทั้งนี้ ในการประชุมได้มีการกำหนดแผนที่จะเปิดเส้นทางที่อนุญาตให้ประชาชนผู้ขับขี่ใช้ความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 120 กม./ชม. ในช่องทางขวาสุดเพิ่มเติมอีก โดยมีเส้นทางตามแผนรวมระยะทางทั้งสิ้น 246 กม. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ระยะที่ 2 จะเปิดให้ใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป จำนวน 6 สายทาง ประกอบด้วย

1.ทล. 1 สนามกีฬาธูปะเตมีย์-ประตูน้ำพระอินทร์ กม.35+000-กม.45+000 จ.ปทุมธานี ระยะทาง 10 กม.
2.ทล. 1 หางน้ำหนองแขม-วังไผ่ กม.306+640-กม.330+600 จ.นครสวรรค์ ระยะทาง 23.96 กม.
3.ทล. 2 บ่อทอง-มอจะบก กม.74+500-กม.88+000 จ.นครราชสีมา ระยะทาง 13.5 กม.
4.ทล. 32 อ่างทอง-โพนางดำออก กม.50+000-กม.111+473 จ.อ่างทอง, จ.สิงห์บุรี ระยะทาง 61.473 กม.
5.ทล. 34 บางนา-ทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กม.1+500-กม.15+000 จ.สมุทรปราการ ระยะทาง 13.5 กม.
6.ทล. 304 คลองหลวงแพ่ง-ฉะเชิงเทรา กม.53+300-กม.63+000 จ.ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 9.7 กม.

Advertisement

นายศักดิ์สยามกล่าวอีกว่า ส่วนระยะที่ 3 จะเปิดให้ใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป จำนวน 5 สายทาง ประกอบด้วย

1.ทล. 4 เขาวัง-สระพระ กม.160+000-กม.167+000 จ.เพชรบุรี ระยะทาง 7 กม.
2.ทล. 4 เขาวัง-สระพระ กม.172+000-กม.183+500 จ.เพชรบุรี ระยะทาง 11.5 กม.
3.ทล. 9 บางแค-คลองมหาสวัสดิ์ กม.23+000-กม.31+872 เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ระยะทาง 8.872 กม.
4.ทล. 35 นาโคก-แพรกหนามแดง กม.56+000-กม.80+600 จ.สมุทรสงคราม ระยะทาง 24.6 กม.
5.ทล. 219 สตึก-หัวถนน กม.108+500-กม.122+000 จ.บุรีรัมย์ ระยะทาง 13.5 กม.

Advertisement

ระยะที่ 4 จะเปิดให้ใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป จำนวน 3 สายทาง ประกอบด้วย

1.ทล. 1 หนองแค-สวนพฤกษาศาสตร์พุแค กม.79+000-กม.105+000 จ.สระบุรี ระยะทาง 26 กม.
2.ทล. 347 เทคโนโลยีปทุมธานี-ต่างระดับเชียงรากน้อย กม.1+000-กม.11+000 จ.ปทุมธานี ระยะทาง 10 กม.
3.ทล. 219 สตึก-หัวถนน กม.122+000-กม.134+500 จ.บุรีรัมย์ ระยะทาง 12.5 กม.

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า โดยในเส้นทางที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกัน ระหว่างกรมการขนส่งทางบกและกรมทางหลวงภายในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2564 ที่กระทรวงคมนาคม ซึ่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำชับให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุขและประกาศที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้กรมทางหลวงประชาสัมพันธ์และสื่อสารให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ทั้งในมิติของเส้นทางที่จะดำเนินการ และวันที่ที่ประชาชนจะสามารถใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 120 กม./ชม. ได้ตามกฎกระทรวง และประกาศผู้อำนวยการทางหลวง เพื่อให้เกิดการรับรู้อย่างทั่วถึง และถูกต้องต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการยกระดับความปลอดภัยบนทางหลวงสายหลัก จำนวน 47 เส้นทาง โดยเป็นเส้นทางในภาคเหนือ 9 เส้นทาง ระยะทาง 186 กม. เส้นทางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 เส้นทาง ระยะทาง 96 กม. เส้นทางในภาคกลาง 15 เส้นทาง ระยะทาง 288 กม. เส้นทางในภาคตะวันออก 9 เส้นทาง ระยะทาง 177 กม. และเส้นทางในภาคใต้ 7 เส้นทาง ระยะทาง 116 กม. รวมระยะทางทั้งสิ้น 863 กม. ซึ่งจะต้องมีการก่อสร้างกำแพงคอนกรีต สะพานกลับรถหรือทางลอดกลับรถ สะพานคนเดินข้าม พร้อมทั้งปรับปรุงกายภาพ เส้นทางให้ปลอดภัย สามารถรองรับความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 120 กม./ชม. โดยได้กำชับให้กรมทางหลวงเตรียมการออกแบบให้เหมาะสมเพื่อให้ประชาชนผู้สัญจรใช้งานได้อย่างสะดวกและปลอดภัยต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image