‘ไวส์ โลจิสติกส์’ เปิดคลังสินค้าใหม่ รับธุรกิจขนส่งโตมีแววโตดี ตั้งเป้ารายได้ปี 64 แตะ 100 ล้านบาท

‘ไวส์ โลจิสติกส์’ เปิดคลังสินค้าใหม่ รับธุรกิจขนส่งโตมีแววโตดี ตั้งเป้ารายได้ปี 64 แตะ 100 ล้านบาท

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE และ นายธเนศ เมฆินทรางกูร ผู้อำนวยการ ฝ่ายธุรกิจ บริษัท ไวส์ ซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ประเมินว่ายังสามารถเติบโตได้ดี เนื่องจากเห็นความต้องการในภาคการส่งออกสินค้าหลายกลุ่ม โดยเฉพาะชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ แม้มีการระบาดโควิด-19 เกิดขึ้น แต่ธุรกิจขนส่งยังสามารถดำเนินการได้ จึงมองว่า เศรษฐกิจในที่เหลือของปีนี้ จะสามารถฟื้นตัวได้ ประเมินจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ที่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ดี ซึ่งไทยจะได้อานิสงส์เชิงบวกจากการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงทำการเปิดคลังสินค้าใหม่ บางนา รองรับการเติบโตธุรกิจโลจิสติกส์ ซัพพลายเชน โดยชูกลยุทธ์บริหารจัดการดีมานด์ ซัพพลาย ลดต้นทุนการขนส่ง ขยายฐานลูกค้าใหม่กลุ่มค้าปลีก และอีคอมเมิร์ซ ในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อเพิ่มโอกาสรับงาน ซึ่งจะรองรับการเติบโตที่ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 100 ล้านบาท

การระบาดโควิดตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน แม้มีผลกระทบเชิงลบกับการดำเนินธุรกิจบ้าง แต่บริษัทฯ ได้อานิสงส์เชิงบวกมากกว่า เพราะตลาดที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นที่ในการให้บริการ รวมถึงบริษัทฯ มีบริการขนส่งโลจิสติกส์แบบครบวงจร ไม่ได้มีบริการเพียงรูปแบบใดรูปแบบเดียวเท่านั้น จึงสามารถปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจได้ โดยการระบาดโควิดในประเทศที่รุนแรงขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ ที่ส่งผลกระทบกับการขนส่งสินค้าข้ามจังหวัด ซึ่งต้องยอมรับว่ามีผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจบ้าง แต่บริษัทฯ ได้ปรับตัวมาตั้งแต่ปี 2563 แล้ว ทำให้การล็อกดาวน์ขณะนี้ไม่ได้มีผลกระทบมากนักนายชูเดช กล่าว

ทั้งนี้ คลังสินค้าแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่ .บางนาตราด กม.18 ด้วยพื้นที่ทั้งหมดกว่า 10,000 ตารางเมตร ให้บริการในกลุ่มลูกค้าธุรกิจค้าปลีก (Retail), กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (Custom Electronics), กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และกลุ่มลูกค้า E-Commerce ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ซึ่งในปัจจุบันมีลูกค้าเข้าใช้บริการแล้ว 60% และยังอยู่ระหว่างดำเนินการเจรจาอีกหลายราย คาดว่าจะมีลูกค้าเข้าใช้บริการเต็มคลังภายในสิ้นปีนี้

ขณะที่อุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าเติบโตขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทั้งจากตัวบริษัทลูกค้าที่มีบริการขนส่งเองอยู่แล้ว และ บริษัทต่างชาติรายใหญ่ผู้ให้บริการจัดการขนส่ง บริษัทจึงมุ่งเน้นกลยุทธ์และการดำเนินงานที่แตกต่าง เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าเป็นสำคัญ เริ่มต้นจากการเข้าใจในธุรกิจของลูกค้า ออกแบบแผนบริหารจัดการขนส่งแบบครบวงจร พร้อมทั้งช่วยลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในกระบวนการต่างๆ ด้วยความชำนาญในขั้นตอนงานโลจิสติกส์และซัพพลายเชน รวมไปถึงจุดแข็งด้านการให้บริการขนส่งหลากหลายรูปแบบ และ มีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า และมีการใช้บริการอย่างต่อเนื่องนายชูเดช กล่าว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image