กกพ.สรุปแผนนำเข้าแอลเอ็นจีเสรี ระยะที่ 2 แบ่งเป็น 3 ช่วงรวมปริมาณ 5.24 ล้านตัน
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยถึงการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 และโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับการส่งเสริมการแข่งขันว่า หลังจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบแผนการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติระยะที่ 2 เปิดให้ผู้จัดหาและนำส่งก๊าซธรรมชาติ (ชิปเปอร์) รายใหม่นำเข้ารวม 5.24 ล้านตัน แบ่งเป็น ปี 2564 อยู่ที่ 0.48 ล้านตันต่อปี, ปี 2565 อยู่ที่ 1.74 ล้านตันต่อปี และปี 2566 อยู่ที่ 3.02 ล้านตันต่อปี กกพ.ได้หารือร่วมกับชิปเปอร์ที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าแล้วทุกราย ถึงความพร้อมในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าอาจจะไม่มีผู้นำเข้า จากเกณฑ์กพช.กำหนดเงื่อนไขการนำเข้าหากรับก๊าซไม่ครบตามสัญญาแต่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนแล้วค่อยเรียกรับก๊าซเพิ่มให้ครบในปีถัดไป ให้ชิปเปอร์หลายรายไม่สามารถนำเข้าได้ทัน และราคาแอลเอ็นจี ตลาดจร(สปอต) ปัจจุบันก็อยู่ในระดับสูง หรือราว 13-15 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จึงทำให้ผู้ประกอบการหลายรายยังต้องอาศัย ปตท. ซึ่งเป็นผู้ค้ารายเดิมไปก่อน
ปัจจุบัน กกพ.ได้ให้ใบอนุญาตให้กับชิปเปอร์รายใหม่แล้ว 7 ราย ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด, บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด, บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO, บริษัท PTT Global LNG Company Limited หรือ PTTGL และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC อย่างไรก็ตามคาดว่าปี 65 จะมีผู้ประกอบการดังกล่าวออกจากระบบมากขึ้น เนื่องด้วยหลายรายได้มีการเจรจากับต่างประเทศไว้
“แม้ชิปเปอร์หลายรายจะปฎิเสธการข้านำเข้าแอลเอ็นจีในปีนี้ แต่ยังมีชิปเปอร์ 2 ราย ที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะนำเข้าหรือไม่ ซึ่ง กกพ. กำลังรอดูความชัดเจนดังกล่าวอยู่ คาดว่าจะต้องได้ข้อสรุปภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อให้เกิดการนำเข้าแอลเอ็นจีในช่วงเดือนกันยายนนี้ เป็นต้นไป รวมถึง กกพ. ยังจะต้องนำมาพิจารณาร่วมกับการจัดสรรสัดส่วนการนำเข้าให้กับรายอื่น ๆ ต่อไปด้วย ” นายคมกฤชกล่าว
