“จุรินทร์”เร่งแก้ลำไย ส่งทีมช่วยจีนตรวจคุณภาพนำเข้าจากไทย ออกมาตรการชดเชย 3 บาท/โล กระตุ้นพ่อค้ารับซื้อดันส่งออก
วันที่ 14 สิงหาคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่มอบถุงน้ำใจ ปชป. เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่านตัวแทนชุมชน ณ ชุมชนวัดพิชัย เสรีไทยซอย 2 แขวง คลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ร่วมกับคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นายจุรินทร์กล่าวว่า กรณีประเทศจีนระงับนำเข้าลำไยจากไทย สัปดาห์หน้า ทางการจีนรับไปพูดคุย คาดว่าจะมีความชัดเจนในการแก้ปัญหา และปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขในขณะนี้คือ ปัญหาแรงงานช่วยเก็บลำไย เพราะส่วนใหญ่ติดปัญหาโควิด-19 จึงควรแยกปิดเฉพาะส่วนที่ติดเชื้อ ไม่ควรปิดทั้งโรงงาน และเบื้องต้นจะแก้ไขปัญหาลำไยราคาตกต่ำ โดยนำมาขายในราคาพิเศษตามร้านธงฟ้า และปั๊มน้ำมัน
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า แนวทางเบื้องต้นในการแก้ปัญหาลำไยราคาตกต่ำ นั้น ในวันที่ 15 สิงหาคม นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะจะลงพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเข้าไปช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ราคาตกลง โดยเฉพาะราคาลูกร่วงเกรดต่ำราคาตกมาก สำหรับลำไยเกรดดีเกรดส่งออกและเกรดรองลงมา ราคาแม้ไม่ดีเลิศ แต่ยังพอไปได้ เช่น ลำไยเกรดดีสุดกิโลกรัมละ 35-40 บาท เกรดรอง กิโลกรัมละ 30 บาท และที่ขายอยู่ในตลาดในประเทศ กิโลกรัมละ 20-25 บาท ส่วนลูกร่วงเกรดดีกิโลกรัมละ 15-20 บาท แต่ถ้าเกรดคุณภาพต่ำกิโลกรัมละ 4-5 บาท
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่เผชิญกระทรวงเกษตรฯกระทรวงพาณิชย์ ต้องร่วมมือกับเกษตรกรช่วยแก้ปัญหา รวมทั้งกระทรวงอื่น คือปัญหาแรงงานที่จะลงมาช่วยกันซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนเผ่า แต่ละชนเผ่าไม่ค่อยอยากลงมา เพราะสถานการณ์โควิด ทำให้แรงงานเก็บลำไยติดปัญหา รวมทั้งเวียดนามติดปัญหาโควิด ตอนนี้ผลผลิตออกเยอะและเจอโควิดทำให้การเปิดโรงอบลำไยจากไทย ติดขัดจึงเป็นปัญหาซ้ำซ้อน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ มีมาตรการขณะนี้ให้การช่วยเหลือผู้ที่รวบรวมลำไย เพื่อการส่งในประเทศและการส่งออกกิโลกรัมละ 3 บาทและจัดกิจกรรมรณรงค์ให้คนไทยช่วยกันบริโภคลำไย หลังจากสถานการณ์มังคุดเพราะโควิดทำให้ติดขัดไปหมด จะรณรงค์ขายราคาพิเศษในร้านธงฟ้า รถเร่ ปั๊มน้ำมันซึ่งมีปั๊มบางจาก ปตท.และพีที ที่จะช่วยเป็นที่ระบายและมาตรการอื่นๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า รัฐบาลจีนได้ประกาศห้ามนำเข้าลำไยจากผู้ส่งออกไทยทั้งหมดรวม 66 บริษัท เพราะมีการตรวจสอบพบเพลี้ยแป้งในลำไย บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคมเป็นต้นไป และไม่ได้กำหนดระยะเวลา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกลำไยของไทยไปจีน เพราะจีนเป็นตลาดอันดับหนึ่งในการส่งออกลำไยของไทย และยังจะส่งผลต่อเนื่องกระทบต่อราคาผลผลิตลำไยในประเทศ ที่ขณะนี้กำลังออกสู่ตลาดเป็นอย่างมาก
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ เร่งรัด 2 ส่วน คือ หาตลาดในอาเซียนแทน โดยเฉพาะมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ที่อาจทดแทนตลาดจีนที่มีการนำเข้าลำไยแปรรูปจากไทย กว่า 80% ส่วนในประเทศ ขอความร่วมมือห้าง สถานีบริการน้ำมัน และองค์กร รับซื้อลำไยจากเกษตรกรเพื่อนำไปกระจายในเครือข่ายและเป็นของแถมให้กับประชาชนที่มาใช้บริการต่างๆ
(ชมคลิป)
